xs
xsm
sm
md
lg

ทำไม “สงฆ์ในพุทธศาสนา” ที่ถือศีลข้อปาณาฯ ต้องทำร้าย “ชาวมุสลิม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความต่างที่เหมือนกัน : (บน)สงฆ์ในพม่าร่วมตัวต่อต้านการตั้งศูนย์ OIC ของโลกมุสลิมในประเทศพม่า (กลาง) กลาง)ภาพขัดแย้งระหว่างสงฆ์ในศรีลังกาและชนส่วนน้อยมุสลิม  (ล่าง)พระสงฆ์ที่ร่วมกลุ่มม็อบกปปส.ถือไม้เป็นอาวุธป้องกันตัวจากกลุ่มเสื้อแดงที่หน้าป.ป.ช ในเดือนมีนาคม 2014
เอเจนซีส์ /ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อลัน สตราเทิร์น (Alan Strathern) อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ประจำวิทยาลัยบเรสโนส ( Brasenose College ) และผู้แต่งหนังสือ Kingship and Conversion in Sixteenth-Century Sri Lanka และ Portuguese Imperialism in a Buddhist Land ตั้งคำถามว่า เหตุใดพระสงฆ์ในศาสนาพุทธที่มีศีลข้อแรก “ห้ามฆ่าสัตว์” และหลักการยึดมั่นในสันติ จึงใช้ถ้อยคำแสดงความเกลียดชังกลุ่มมุสลิมอย่างรุนแรง และเข้าร่วมกับม็อบที่ทำให้มีคนนับสิบเสียชีวิต

อลัน สตราเทิร์น (Alan Strathern) ในฐานะนักประวัติศาสตร์ตั้งคำถามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศรีลังกา และพม่าที่ทั้งสองประเทศห่างกันนับ 1,000 ไมล์ที่มีมหาสมุทรอินเดียขวางกั้น ซึ่งเป็นที่น่าฉงนเพราะในทั้งสองประเทศนั้นไม่ได้ถูกคุกคามจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงติดอาวุธ และนอกจากนั้นกลุ่มมุสลิมในพม่าและศรีลังกานั้นเป็นกลุ่มที่อยู่อย่างสงบ และเป็นชนกลุ่มน้อยในทั้งสองชาติ

ในศรีลังกา ปัญหาการสังหารชาวมุสลิมถือเป็นเรื่องเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากการที่กลุ่มพระสงฆ์ในศาสนาพุทธเร่วมกับม็อบกลุ่มชาวพุทธหัวรุนแรงโบดู บาลา เสนา (Bodu Bala Sena)ออกเดินขบวนเรียกร้องให้มีการปฎิบัติอย่างจริงจังในการบอยคอตธุรกิจของชาวมุสลิม และยังประนามขนาดครอบครัวของชาวมุสลิมที่อนุญาตให้ชายชาวมุสลิมมีภรรยาได้ถึง 4 คนในปี 2013 โดยล่าสุดสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างพุทธและมุสลิมในศรีลังกายังไม่สงบ ความรุนแรงนองเลือดปะทุขึ้นอีกระลอกในดินแดนตากอากาศของศรีลังกาเมื่อวันจันทร์(16) ด้วยชาวพุทธหัวรุนแรงจุดไฟเผาร้านค้า และบ้านเรือนราษฎรไปหลายหลัง 2 คืนติด ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวที่ประกาศใช้ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและมุสลิม ซึ่งคร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้วหลายศพ
       
ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของนานาชาติต่อเหตุความไม่สงบครั้งนี้ ชาวบ้านของเมืองแห่งหนึ่่งซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก บอกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่มีอาวุธนายหนึ่งถูกสังหารในเหตุโจมตีบริเวณด้านนอกของฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งมีชาวมุสลิมเป็นเจ้าของ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 รายแล้ว
       
ที่เวลิปันนา ชานเมืองอุลกัตกามา ชาวบ้านเผยว่ามีบ้าน 9 หลัง และร้านค้า 26 แห่งถูกทำลายเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ (16) จากฝีมือกลุ่มม็อบชายฉกรรจ์ราว 50 ถึง 60 คน อาวุธครบมือทั้งปืน ระเบิดเพลิงและมีด โดยเอ.อาร์.เอ็ม นาฮูมาน ครูใหญ่ของโรงเรียนท้องถิ่น บอกว่าชาวบ้านเคยร้องขอไปยังทางการให้จัดตำรวจเข้ามาคุ้มครองเพิ่มเติม แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศเคอร์ฟิวใน 2 เมืองอุลกัตกามา และเพรุวาลา หลังเกิดการปะทะกันรุนแรงระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมใน 2 เมืองนี้ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน และมีร้านค้าหลายร้านโดนเผา การประกาศเคอร์ฟิว มีขึ้นหลังจากกลุ่มชาวพุทธสายเคร่ง ได้จัดให้มีการเดินขบวนไปยังพื้นที่ที่ชาวมุสลิมอาศัยอยู่ อีกทั้งยังได้ตะโกนต่อต้านชาวมุสลิม จนก่อให้เกิดการกระทบกระทั่ง และนำไปสู่การปะทะกัน ทำให้ทางการต้องส่งตำรวจปราบจลาจลเข้ามาห้ามปราม และถึงขั้นต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายฝูงชน

ในขณะที่พม่า มี “กลุ่มเคลื่อนไหว 969” หรือกลุ่มชาวพุทธหัวรุนแรงที่เห็นการแพร่ขยายของศาสนาอิสลามกำลังคุกคามศาสนาพุทธในพม่าที่มีพระวีระธุ (  Ashin Wirathu) เป็นผู้นำโดย โดยรู้จักในนาม “บินลาเดนแห่งพม่า” ถูกจำคุกในปี 2003 จากสาเหตุปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกและเกลียดชังระหว่างศาสนา พระวีระธุถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำในปี 2012 โดยสื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียน ได้เสนอข่าวในเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ให้ความเห็นว่า พระวีระธุ เป็นผู้ที่เผยแพร่ความเกลียดชังทางศาสนาไปทั่วประเทศพม่า โดยพระรูปนี้ได้เสนอความเห็นผ่านทางวีดิโอและสื่อโซเชียลมีเดียกล่าวหาว่ากลุ่มชาวมุสลิมเป็นผู้ข่มขืนหญิงชาวพุทธและมีการเล่นพรรคเล่นพวก ที่ถึงแม้ลักษณะท่าทีของพระวีรธุในระหว่างการเทศนาจะดูสงบ เยือกเย็น กอปกับด้วยคำพูดที่นุ่มนวลแต่เนื้อหาที่เทศนาล้วนเป็นเรื่องความหวาดระแวงและความกลัว เต็มไปด้วยการเหมารวมทางเชื้อชาติ และเป็นข่าวลือที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการแพร่กระจายของข็อมูลผิดๆ และเป็นการยุยงให้เกิดความรุนแรง

"พวกเราถูกข่มขืนในทุกๆ เมือง ถูกล่วงละเมิดทางเพศในทุกๆ เมือง ถูกรุมรังแกในทุกๆ เมือง" วีระธุกล่าวให้สัมภาษณ์กับเดอะการ์เดียนในขณะอยู่ที่วัดมะซอเหย่น ในเมืองมัณฑะเลย์ว่า "ในทุกๆ เมืองจะมีกลุ่มชาวมุสลิมส่วนมากที่ป่าเถื่อนและหยาบคาย"

นอกจากนี้ สตราเทิร์นยังให้ความเห็นว่า พระวีรธุเป็นผู้เริ่มให้เกิดจลาจลจากการเดินขบวนของชาวพุทธหัวรุนแรงต่อต้านมุสลิมที่เมืองเมกทิลาส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 40 คน ในปี 2013 และสตราเทิร์นยังตั้งข้อสมมุติฐานเปรียบเทียบถึงความรุนแรงที่ชาวพุทธและพระสงฆ์กระทำต่อชาวมุสลิมในทั้งศรีลังกาและพม่านั้นมาจากเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ ที่มีชาวมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยตกเป็นแพะรับบาปจากความไม่พอใจของคนส่วนใหญ่ของประเทศที่นับถือพุทธ

และมีเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ประท้วงชาวพุทธได้ตรงเข้าทำลายมัสยิด และเผาบ้านเรือนชาวมุสลิมไปถึง 70 หลังในโอ๊กกัน  ทางเหนือของย่างกุ้งจากเหตุที่เด็กสาวมุสลิมขี่จักรยานเฉี่ยวพระพม่า และเหตุจลาจลครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 1คนและบาดเจ็บอีก 9 คน ในเดือนพฤษภาคม 2013

ทำให้สตราเทิร์นต้องตั้งคำถามอย่างมึนงงว่า “พระสงฆ์” ควรจะเป็นตัวอย่างของ “คนดี” ตามหลักความเชื่อทางศาสนามิใช่หรือ ความคิดทำลายล้างผู้อื่นถือเป็นสิ่งที่ต้องห้ามตามหลักพุทธ ที่คำสอนของศาสนามีแม้กระทั่งวิถีทางไปสู่การกำจัดความคิดที่ชั่วร้ายเหล่านี้ผ่านการนั่งสมาธิและแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งปวง

ศาสนาพุทธมีบทบาทสำคัญในความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาตินิยมที่เกิดขึ้นในศรีลังกาและพม่า เพื่อปลดปล่อยประเทศให้เป็นอิสระจากจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งแน่นอนที่สุดย่อมนำไปสู่ความรุนแรง เริ่มในยุค 1930 ที่พระสงฆ์พม่าแทงชาวยุโรปเสียชีวิต 4 คน และสิ่งสำคัญที่สุด คนส่วนมากเริ่มคิดว่าศาสนาพุทธเป็นศูนย์รวมในการแสดงจุดมุ่งหมายความเคลื่อนไหวทางการเมืองในแง่ชาตินิยม ในขณะที่ชนกลุ่มน้อยเช่น มุสลิมเริ่มรู้สึกว่าจะไม่มีที่ยืนในสังคมเช่นกัน

ทั้งนี้การนำพุทธศาสนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดขึ้นในไทย โดยล่าสุดมีกลุ่มพระสงฆ์ร่วมการชุมนุมกับกลุ่มกปปส.เพื่อขับไล่อดีตพรรครัฐบาลเพื่อไทย ที่มีหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดป่าอ้อน้อย เป็นหนึ่งในแกนนำการเดินขบวนขับไล่ และเมื่อเดือนมีนาคมล่าสุด มีเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดง กวป.นำโดย “ศรรักษ์” พาพวก 300 คนบุกสำนักงาน ป.ป.ช. ฝ่าแนวรับตำรวจ ไล่ กปปส.ออกจากพื้นที่ ประกาศจุดยืนให้ตรวจสอบกรรมการทั้ง 7 คนของ ป.ป.ช.ไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ ขณะที่พระสงฆ์เดินเข้าไปต่อว่าทางกลุ่มเสื้อแดง กวป.ทำเกินกว่าเหตุกลับโดนรุมทำร้าย  ที่ภาพประกอบข่าวพระต้องถือไม้เป็นอาวุธป้องกันตัว

และฝ่ายกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่มีกลุ่มสงฆ์เข้าร่วมเช่นกัน ในวันที่ 16 มีนาคม 2010 พระครูสุเทพสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรืองนำเสื้อแดงก่อเหตุสาดเลือดใส่ทหาร หลังถูกห้ามไม่ให้เทเลือดสังเวยอนุสาวรีย์พระเจ้ากาวิละที่ตั้งอยู่ภายในเขตทหารค่ายกาวิละ 

นอกจากนี้สตราเทิร์นยังได้ให้ความเห็นว่า สัญญาณการเป็นศัตรูกับชาวมุสลิมถูกส่งแพร่กระจายรับรู้ในหมู่ประชาชนของทั้งพม่าและศรีลังกาที่ถึงแม้ชาวพุทธจะถือเป็นชนหมู่มากของทั้งสองประเทศ แต่ทว่ามีชาวพุทธจำนวนมากเชื่อว่า ประเทศของพวกเขาต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และศาสนาประจำชาติกำลังถูกบั่นทอน

และจะเห็นได้ว่าความรู้สึกนี้เริ่มปรากฎให้เห็นในไทยจากการที่ก่อนหน้านี้ มีแนวคิดต้องการบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักของไทยในกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดที่เพิ่งถูกระงับใช้โดยกลุ่มกสช. และในปัญหาไฟใต้ที่มีการฆ่ารายวันที่กลุ่มก่อการร้ายมุสลิมพุ่งเป้าโจมตีชาวไทยพุทธและพระสงฆ์ ทำให้ชาวไทยพุทธจำนวนหนึ่งเริ่มมีความรู้สึกไม่พอใจกลุ่มมุสลิมที่ดูเหมือนเป็นปัญหาด้านความมั่นคง จากที่เห็นได้ตามการออกความเห็นผ่านกระทู้ข่าวต่างๆ

ทั้งในระดับสังคมโลกที่มีบรรยากาศและทรรศนะคติทางลบต่อศาสนาอิสลาม และกลุ่มมุสลิม โดยคนส่วนใหญ่เชื่อว่ากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเป็นศูนย์กลางความรุนแรงในทุกภาคพื้นทวีป เช่น ล่าสุดเมื่อวานนี้(17) บริจิต กาเบรียล (Brigitte Gabriel )จาก ACT! for America ในการจัดเสวนาโดยเฮอริเทจ เฟาเดชัน เรื่องคดีโจมตีสถานทูตสหรัฐฯในเบงกาซี ที่กาเบรียลอ้างว่า จำนวนประชากรมุสลิมทั่วโลกที่มีอยู่ร่วม 1.2 พันล้านคน แต่มีมุสลิมราว 180-300ล้านคนที่อุทิศตนเพื่อล้างอารยธรรมตะวันตก และยังถามกลับซาบา อาเหม็ด (Saba Ahmed) นักศึกษากฎหมายชาวมุสลิมในสหรัฐฯว่า สามารถยกตัวอย่างผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนาอิสลามที่เป็นผู้นำการเคลื่อนไหวอย่างสันติ หลังจากก่อนหน้านี้อาเหม็ดได้ถามวงเสวนาว่า ดูเหมือนเป็นการตั้งธงว่า “ชาวมุสลิมเกือบทั้งหมดชั่วร้าย”
กำลังโหลดความคิดเห็น