เอเอฟพี - ความรุนแรงนองเลือดปะทุขึ้นอีกระลอกในดินแดนตากอากาศของศรีลังกา ด้วยชาวพุทธหัวรุนแรงจุดไฟเผาร้านค้า และบ้านเรือนราษฎรไปหลายหลัง 2 คืนติด ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวที่ประกาศใช้ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาวพุธและมุสลิม ซึ่งคร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้วหลายศพ
ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของนานาชาติต่อเหตุความไม่สงบครั้งนี้ ชาวบ้านของเมืองแห่งหนึ่่งซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก บอกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่มีอาวุธนายหนึ่งถูกสังหารในเหตุโจมตีบริเวณด้านนอกของฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งมีชาวมุสลิมเป็นเจ้าของ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 รายแล้ว
“บ้านเรือนหลายสิบหลังและร้านค้าถูกวางเพลิง” แหล่งข่าวตำรวจบอกกับเอเอฟพีจากเมืองอุลกัตกามา ซึ่งมีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ หลังจากพวกม็อบสมาชิกกลุ่มพุทธหัวรุนแรง หรือ Buddhist Force ได้ก่อเหตุรุนแรงไปแล้วระลอกหนึ่งในคืนก่อนหน้านี้
พบเห็นทหารพร้อมอาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม และใช้ไม้คริกเก็ตเป็นตะบอง ลาดตระเวนไปตามท้องถนนสายต่างๆ ของเมืองชายหาดตากอากาศทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันอังคาร (17) “ส่งทหารจำนวนมากเข้ามาประจำการทำไมตอนนี้ ในเมื่อทุกอย่างมันถูกทำลายไปหมดแล้ว” นายโมฮาเหมด ริชาน วัย 33 ปี ซึ่งต้องสูญเสียร้านค้าไป 3 แห่งในเหตุจลาจลบอก “พวกเขาควรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
เหล่าสถานทูตตะวันตกในกรุงโคลอมโบ แนะนำพลเมืองของตนเองที่กำลังพักผ่อนอยู่ในพื้นที่ให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย ส่วนชาวต่างชาติอื่นๆ ก็ร้องขอให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุมชนและเคารพต่อประกาศเคอร์ฟิว
เหตุโจมตี 2 คืนติดเป็นส่วนหนึ่งของการปะทะกันทางศาสนาหลายต่อหลายครั้งในประเทศแห่งนี้ ตามหลังเหตุความไม่สงบในเดือนมกราคมที่ผ่านมาและปีที่แล้ว ที่ม็อบชาวพุทธหัวรุนแรงโจมตีมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ในศรีลังกา มีชาวมุสลิมอยู่ราวร้อยละ 10 จากประชากรทั้งหมด 20 ล้านคนของประเทศ แต่พวกเขาถูกกล่าวหาจากพวกชาตินิยมว่ามีอิทธิพลเลยเถิดในชาติที่คนส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
ที่เวลิปันนา ชานเมืองอุลกัตกามา ชาวบ้านเผยว่ามีบ้าน 9 หลัง และร้านค้า 26 แห่งถูกทำลายเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ (16) จากฝีมือกลุ่มม็อบชายฉกรรจ์ราว 50 ถึง 60 คน อาวุธครบมือทั้งปืน ระเบิดเพลิงและมีด โดยนาย เอ.อาร์.เอ็ม นาฮูมาน ครูใหญ่ของโรงเรียนท้องถิ่น บอกว่าชาวบ้านเคยร้องขอไปยังทางการให้จัดตำรวจเข้ามาคุ้มครองเพิ่มเติม แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง
ด้านเจ้าของฟาร์มไก่รายหนึ่งเปิดเผยว่ามือโจมตีจุดไฟเผาโรงนาของเขาหลังก่อเหตุแทงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยชราที่ไม่มีอาวุธเสียชีวิต “พวกเขาแทงยามเฝ้าโรงนาของเราก่อน จากนั้นก็จุดไฟเผาโรงนา”
แม้ว่าเหตุความไม่สงบในวันจันทร์ (16) จะไม่ลุกลามเท่ากับคืนก่อนหน้านี้ แต่มันเกิดขึ้นแม้ว่าทางการประกาศเคอร์ฟิวแล้ว
รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศเคอร์ฟิวใน 2 เมืองอุลกัตกามา และเพรุวาลา หลังเกิดการปะทะกันรุนแรงระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมใน 2 เมืองนี้ จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน และมีร้านค้าหลายร้านโดนเผา
การประกาศเคอร์ฟิว มีขึ้นหลังจากกลุ่มชาวพุทธสายเคร่ง ได้จัดให้มีการเดินขบวนไปยังพื้นที่ที่ชาวมุสลิมอาศัยอยู่ อีกทั้งยังได้ตะโกนต่อต้านชาวมุสลิม จนก่อให้เกิดการกระทบกระทั่ง และนำไปสู่การปะทะกัน ทำให้ทางการต้องส่งตำรวจปราบจลาจลเข้ามาห้ามปราม และถึงขั้นต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายฝูงชน
ในวันอังคาร (17) ตำรวจยังได้ขัดขวางแผนชุมนุมของกลุ่ม Buddhist Force ในเมืองมาวาเรลลา ห่างจากจุดที่มีความรุนแรงระลอกล่าสุดราว 160 กิโลเมตร ด้วยความกังวลว่าอาจกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงเพิ่มเติม
นางนาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลว่าเหตุจลาจลอาจลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ และเรียกร้องให้นำตัวผู้ก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งนำนานาชาติประณามประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของศรีลากา ก็เร่งเร้าให้โคลอมโบยุติความรุนแรงให้ได้