เอพี - ใต้เส้นขอบฟ้าอันสวยงามจับตา เรือไม้สไตล์อาหรับสัญจรกันขวักไขว่ไปมาตามคลองดูไบ (Dubai Creek) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทางประวัติศาสตร์ของดูไบ นครที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้าระดับโลก จากที่เมื่อก่อนเป็นเพียงท่าเรือประมงและแหล่งเลี้ยงหอยมุกเล็กๆ
ลำน้ำสายนี้มีบรรยากาศคึกคักนับตั้งแต่รุ่งสางไปจนเย็นย่ำ เนื่องจากคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่สัญจรทางน้ำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และนักท่องเที่ยวที่โดยสารมากับเรือไม้อับเราะห์ (Abra) พาหนะที่เก่าแก่กว่าหนึ่งศตวรรษและยังคงใช้วิธีการต่อเรือด้วยมือ โดยคิดค่าบริการข้ามฟากเพียงครั้งละ 25 เซนต์ ซึ่งเป็นอัตราที่หาได้เพียงแห่งเดียว ในเมืองที่ประชากรจำนวนมากอพยพมาจากต่างแดน เพื่อแสวงหาช่องทางทำกินในรัฐดูไบ
พื้นที่แถบคลองดูไบแตกต่างจากพื้นที่ส่วนอื่นของนครตรงที่ยังไม่ค่อยได้รับอิทธิพลจากนักพัฒนาหน้าไหน ทำให้พื้นที่นี้ยังคงรักษาภาพของดูไบแบบสมถะในสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ร่ำลือในฐานะนครอันมั่งคั่ง ที่มีความเจริญสุดขีด และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
รศ.ยัสเซอร์ เอลเอชเตาวี จากภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวว่า “คลองสายนี้เปรียบได้กับหัวใจของนครแห่งนี้ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงอุปมา คลองดูไบเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างอย่างแท้จริง”
ดูไบกำลังรอคอยการประกาศผลจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ภายหลังที่นครแห่งนี้ได้ยื่นคำขอให้ คลองดูไบได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และ ชัยคห์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตุม ซึ่งควบตำแหน่งรองประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตลอดจนเจ้าผู้ครองรัฐดูไบได้อนุมัติโครงการก่อสร้างริมคลองสายนี้ที่มีมูลค่าถึง 544 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.77 หมื่นล้านบาท) เพื่อปรับปรุงพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นจุดศูนย์กลางทางศิลปะและวัฒนธรรมของเมือง
