เอเอฟพี/มาร์เกตวอชต์ - น้ำมันแตะระดับสูงสุดรอบเกือบ 9 เดือนและวอลล์สตรีทร่วงหนักวานนี้ (12 มิ.ย.) จากความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่อิรัก ปัจจัยดังกล่าวผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งราคาทองคำพุ่งขึ้นแรง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.53 ดอลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2013 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 3.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 113.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รัฐบาลกลางอิรักทำท่าใกล้เข้าตาจนในวันพฤหัสบดี (12) หลังจากกองกำลังอาวุธฝ่ายกบฏที่มีกลุ่ม “รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์” (Islamic State of Iraq and the Levant หรือ ISIL) เป็นหัวหอก ยังคงเคลื่อนทัพรุกลงใต้เรื่อยๆ และสามารถรุกคืบเข้าประชิดแบกแดดแล้ว
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลส่งผลให้สหรัฐฯ นั่งไม่ติด ด้วยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เผยว่าคณะทีมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของเขากำลังมองถึงทางเลือกต่างๆ ในการเข้าช่วยแบกแดด ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยอากาศยานไร้นักบิน (โดรน)
วิกฤตดังกล่าวก่อความกังวลแก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก และส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี (12) ร่วงลงอย่างหนัก และปิดลบเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
ดาวโจนส์ ลดลง 110.43 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,733.45 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 13.88 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,930.01 จุด แนสแดค ลดลง 34.30 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,297.63 จุด
ด้านราคาทองคำวานนี้ (12) พุ่งขึ้นอย่างแรง หลังสถานการณ์ความไม่สงบในอิรัก ผลักให้นักลงทุนผละออกจากตลาดทุน แล้วหันมาเข้าซื้อโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้ ที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 12.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,274.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์