เอเจนซีส์ - หนึ่งเงื่อนไขในการอนุมัติเงินช่วยเหลือมูลค่าเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลสหรัฐฯ กดดันเอลซัลวาดอร์ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์พืชตัดแต่งพันธุกรรมจากบริษัทเคมีการเกษตรยักษ์ใหญ่ มอนซานโต ทดแทนการซื้อเมล็ดพืชปกติจากเกษตรกรท้องถิ่นในประเทศ
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (10) โดยอ้างข้อมูลจากสื่อนไลน์ “ซัสเทนาเบิล พัลซ์” ที่ติดตามปัญหาพืช GMO และการเกษตรแบบยั่งยืนได้เปิดเผยว่า สหรัฐฯจะยังไม่อนุมัติแพคเกจเงินช่วยเหลือมูลค่า 277 ล้านดอลลาร์ในรูปสัญญาความช่วยเหลือมิเลนเนียม ชาเลนจ์ คอมแพกต์ จากหน่วยงานมิเลนเนียม ชาเลนจ์ คอร์ป (MCC) ที่เป็นองค์กรอิสระของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อให้เงินช่วยเหลือต่างชาติเพื่อสนับสนุนรัฐบาลธรรมาภิบาล พัฒนาเศรษฐกิจ หากรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ปฏิเสธสั่งซื้อเมล็ดพืช GMO จากบริษัทเคมีการเกษตร “มอนซานโต”
จากรายงานเปิดเผยว่า สัญญาเงินช่วยเหลือที่ยังไม่อนุมัตินี้ค้างมาตั้งแต่ปลายปี 2013 หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าทางหน่วยงาน MCC จะยังไม่ส่งมอบเงินช่วยเหลือให้กับประเทศคู่สัญญาหากไม่มีการปฏิรูปจำเพาะทางด้านเกษตรและเศรษฐกิจเกิดขึ้น และเห็นได้ชัดว่า การสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์พืชตัดแต่งพันธุกรรมรวมอยู่ในนั้น
โดยสื่ออนไลน์เอลซัลวาดอร์ เวอร์ดาด ดิจิตอล รายงานว่า อย่างไรก็ตาม ริคาร์โด นาวาร์โร (Ricardo Navarro) ผู้นำของศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความเหมาะสมแห่งเอลซัลวาดอร์(CESTA) ได้กล่าววิพากษ์สหรัฐฯ ถึงเงื่อนไขของสหรัฐฯในการให้เงินช่วยเหลือ และให้ความเห็นว่ารัฐบาลเอลซัลวาดอร์ไม่ควรทำตามเงื่อนไขของสหรัฐฯ
“ผมอยากจะขอให้เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำเอลซัลวาดอร์ เลิกกดดันรัฐบาลของเราในการสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรที่ผ่านเทคโนโลยีตัดแต่งทางพันธุกรรม” และยังเสริมว่า แรงกดดันครั้งนี้มีแต่จะทำให้เศรษฐกิจเอลซัลวาดอร์แย่ลง แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มีเพียงแต่บริษัททุนข้ามชาติสหรัฐฯเท่านั้น และเขายังได้ชี้ไปถึงบริษัทมอนซานโตว่า “มีบริษัทที่ชั่วร้ายเกิดขึ้นในโลกใบนี้คือ “มอนซานโต” ...และที่น่าหงุดหงิดมากคือการที่สหรัฐฯพยายามให้ความช่วยเหลือบริษัทที่ชั่วร้ายนี้”
เช่นกันในยุโรป มอนซานโตถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในเดือนมีนาคมล่าสุด ฝรั่งเศสประกาศห้ามซื้อขายเมล็ดพันธุ์พืชทนศัตรูพืช “MON 810” ของมอนซานโตล่วงหน้าไม่กี่วันก่อนที่จะพบว่าแมลงในสหรัฐฯ มีพัฒนาการทนทานต่อพืช
การวิจารณ์ของนาวาร์โรส่งผลต่อบริษัทมอนซานโต ดังที่เห็นว่า มอนซานโตนั้นประสบปัญหาหนักในหลายประเทศในแถบอเมริกาใต้ รวมถึง เอลซัลวาดอร์ และบราซิล โดยก่อนหน้านี้ RT เคยรายงานว่า รัฐสภาเอลซัลวาดอร์ได้ผ่านร่างกฏหมายในเดือนกันยายน 2013 เพื่อห้ามใช้สารไกลโตเฟสที่ถูกใช้ในยาฆ่าหญ้า “ราวด์อัพ” สินค้ายอดนิยมของมอนซานโต เฉกเช่นเดียวกับเคมีการเกษตรอีกจำนวนนับสิบ
และร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาคล้ายกันกำลังถูกพิจารณาในบราซิล ที่หน่วยงานอัยการบราซิลร้องขอให้หน่วยงานดูแลด้านสุขภาพอนามัยแห่งชาติบราซิล (NHSA) ทำการประเมินความเป็นพิษของสารเคมีออกฤทธิ์ 8 ชนิดที่ต้องสงสัยว่าจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพชาวบราซิลและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสารไกลโตเฟส และสารเคมีอีก 7 ชนิด
การที่สารไกลโตเฟสถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดอย่างมากในเวลานี้เป็นเพราะ ในการศึกษาครั้งล่าสุดชี้ว่าถึงแม้สารเคมีชนิดนี้จะไม่มีอันตรายโดยตัวมันเอง แต่มันจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ถึงชีวิตเมื่อสารตัวนี้ได้ผสมเข้ากับแร่โลหะตามธรรมชาติที่อยู่ในดิน และนอกจากนี้รายงานอื่นยังชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงของไกลโตเฟสและโรคไตล้มเหลวที่ได้คร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมากในเอลซัลวาดอร์และศรีลังกา และยังสามารถอธิบายถึงสถานการณ์ที่คล้ายกันในนิการากัว คอสตาริกา และอินเดีย