เอเอฟพี - ในเวลาที่นักประดาน้ำโสมขาวยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือเฟอร์รีอับปางเมื่อเดือนเมษายน เกาหลีใต้ก็เริ่มเปิดฉากการพิจารณาคดีฆาตกรรมที่พัวพันลูกเรือเฟอร์รี 15 คนในวันนี้ (10 มิ.ย.) ท่ามกลางสถานการณ์อันร้อนระอุ จนจุดประกายให้เกิดการตั้งคำถามว่าขั้นตอนการพิจารณาคดีจะดำเนินไปอย่างเป็นธรรมหรือไม่
กัปตัน ลี จุนซอก และลูกเรืออาวุโสอีก 3 คนถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า “ประมาทโดยเจตนาจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายถึงแก่ชีวิต” ซึ่งมีโทษเบากว่าข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีโทษร้ายแรงกว่าทำให้คนตายโดยไม่เจตนาฆ่า แต่ก็จะยังหนีไม่พ้นโทษประหารชีวิต
ส่วนลูกเรืออีก 11 คนถูกพิจารณาคดีในข้อหาที่หนักหนาสาหัสน้อยกว่าคือ ประมาททางอาญา และละเมิดกฎหมายพาณิชยนาวี
ข้อหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่กัปตันลี และลูกเรือคนอื่นๆ เลือกที่จะทิ้งเรือเฟอร์รี “เซวอล” ซึ่งมีระวางขับน้ำ 6,825 ตัน ขณะที่ผู้โดยสารหลายร้อยคนยังติดอยู่ด้านในเรือ ที่เสียสมดุลจนเกิดพลิกคว่ำลำนี้
ก่อนอับปางลงนอกชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เมื่อวันที่ 16 เมษายน เรือเซวอลกำลังขนส่งผู้โดยสาร 476 ชีวิต ซึ่งในจำนวนนี้มี 325 คนเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเดินทางไปทัศนศึกษาบนเกาะตากอากาศ “เจจู”
จนถึงตอนนี้ ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 292 ราย และยังไม่ทราบชะตากรรมของคนอีก 12 ชีวิต ขณะที่นักประดาน้ำยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิตในเรือซึ่งจมอยู่ใต้น้ำลำนี้
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้สร้างความตกตะลึงให้แก่เกาหลีใต้ จนประเทศทั้งประเทศเข้าสู่สภาวะชะงักงัน และประชาชนพากันออกมาแสดงความโกรธแค้น ขณะที่พบว่าความไร้ประสิทธิภาพ ปัญหาการคอร์รัปชัน และความละโมบโลภมาก ล้วนแล้วแต่มีส่วนทำให้เกิดอุบัติภัยครั้งนี้
ประชาชนจำนวนมากที่รู้สึกแค้นเคืองต่างพุ่งเป้าโจมตีไปที่ลี และเหล่าลูกเรือ โดยเฉพาะหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งเผยแพร่คลิปวีดีโอที่เผยให้เห็นกัปตันผู้นี้ในชุดเสื้อสเวตเตอร์ และกางเกงชั้นใน พยายามหนีเอาชีวิตรอดจากเรือเฟอรรีกำลังจม
ข่าวการจับกุม และตั้งข้อกล่าวหาในมุมมองของสื่อโสมขาว มักมุ่งนำเสนอว่าพวกเขาคือผู้กระทำผิด และเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดภัยพิบัติ ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ออกมาประณามว่า การกระทำของลูกเรือนั้น “ไม่ต่างอะไรไปจากการฆาตกรรม”
ในสถานการณ์ที่ร้อนระอุเช่นนี้ ถึงแม้ประชาชนต่างเรียกร้องให้ศาลตัดสินลงโทษพวกเขาอย่างสาสม แต่ก็ยังมีความกังวลกันว่า ลีและจำเลยคนอื่นๆ อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาคดี ณ ศาลแขวง ในเมืองกวางจู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
เจสัน ฮา อัยการอาวุโส ซึ่งเป็นผู้บริหารสำนักกฎหมายชั้นนำในกรุงโซลชี้ว่า “ขั้นตอนการพิจารณาคดีจะเป็นไปอย่างยากลำบาก และศาลจะได้รับแรงกดดันมหาศาล”
ฮากล่าวว่า “ประชาชนยังคงแสดงปฏิกิริยารุนแรงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตามล่าเจ้าของกิจการเรือเฟอร์รีที่หลบหนีไป กัปตันและลูกเรือจึงกลายเป็นผู้แบกรับเอาความโกรธแค้นทั้งหมด”
บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองหลายสิบคนของเหยื่อนักเรียนมัธยมปลายพากันโดยสารรถบัส เพื่อเดินทางไปฟังการพิจารณาคดีที่เมืองกวางจู ทั้งด้านในและด้านนอกศาล
มีรายงานว่า จำเลยหาทนายความเอกชนได้ยากมาก เนื่องจากแทบไม่มีใครยอมเข้ามาปกป้องจำเลยของคดีที่น่าสะเทือนใจเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้ ทนายความของรัฐ 6 นายได้รับมอบหมายให้เป็นทนายฝ่ายจำเลยในคดีนี้ โดยตามปกติแล้วการพิจารณาคดีประเภทนี้จะมีผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ในศาลแขวงทั้งหมด 3 คน
ฮากล่าวว่า “ที่นี่ เราไม่มีระบบคณะลูกขุน และผู้พิพากษาเหล่านี้มีความเป็นมืออาชีพ และไม่เข้าข้างฝ่ายใด จึงน่าจะสามารถวางเฉยต่อเสียงโห่ร้องของฝูงชนนอกศาลได้”
แม้ว่าหากกัปตันและลูกเรือ 3 คนถูกตัดสินว่าผิดจริง พวกเขาอาจถูกลงโทษประหารชีวิต แต่กรณีดังกล่าวก็ดูจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
เกาหลีใต้ได้นำเอาระบบระงับโทษประหารชีวิตมาใช้ นับตั้งแต่มีการลงโทษประหารชีวิตครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี 1997 โดยในตอนนี้มีจำเลยรอรับโทษประหารชีวิตราว 60 คน
การไต่สวนมูลฟ้องในวันนี้ (10) เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 05.00 น. ตามเวลาโลก (ตรงกับ 12.00 น. ในเมืองไทย) ซึ่งคาดว่า หลักๆ แล้วน่าจะเป็นการว่าทำความเข้าใจกระบวนการดำเนินคดี
ภารกิจพลิกแผ่นดินตามล่าตัว ยู บยุงอุน หัวหน้าครอบครัวเจ้าของบริษัท “ชองแฮจิน มารีน” ซึ่งเป็นเจ้าของและบริหารกิจการเดินเรือเฟอร์รีเซวอล ยังคงดำเนินต่อไป
ทางการกำลังต้องการตัวนำตัวยูไปสอบสวน โดยเขาอาจถูกตั้งข้อหายักยอก และประมาททางอาญา ขณะที่อัยการกำลังสืบสวนว่า การขาดมาตรการรักษาความปลอดภัย และละเมิดกฎระเบียบมีส่วนทำให้เกิดภัยพิบัติเฟอร์รี “เซวอล” มากน้อยเพียงใด
อัยการเกาหลีใต้ได้เสนอเงินรางวัลนำจับ แก่ผู้ที่พบเบาะแส ช่วยให้สามารถจับตัวยูได้สำเร็จ เป็นมูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 16 ล้านบาท)