xs
xsm
sm
md
lg

อดีตเคจีบีแฉ “สปายรัสเซีย” ใช้เล่ห์หลอกให้ “สโนว์เดน” เดินทางไปติดกับที่มอสโก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - พันตรีบอริส คาร์ปิชคอฟ( Boris Karpichkov) อดีตสายลับเคจีบีของสหภาพโซเวียตได้เปิดเผยต่อ สื่อNigel Nelson of The Mirror ว่าสายลับรัสเซียในหน่วยงานข่าวกรองรัสเซียSVR ที่แฝงตัวในคราบนักการทูตในฮ่องกงหว่านล้อมให้เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลของหน่วยงาน NSA สหรัฐฯ เดินทางจากฮ่องกงไปยังกรุงมอสโกในเดิอนมิถุนายน 2013 โดยนักแฉตกเป็นเป้าหมายของหน่วยข่าวกรองรัสเซีย 7ปีก่อนหน้าที่เขาจะเปิดเผยความลับโครงการสอดแนมNSAให้โลกรับรู้

สื่อบิซิเนสอินไซด์เดอร์ รายงานในวันนี้(9)ว่า พันตรีบอริส คาร์ปิชคอฟ( Boris Karpichkov) อดีตสายลับเคจีบีของอดีตสหภาพโซเวียตได้เปิดเผยว่า เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลของหน่วยงาน NSA สหรัฐฯ ที่ปัจจุบันขอลี้ภัยอยู่ในรัสเซีย และดูเหมือนสามารถจะต่ออายุได้โดยไม่มีกำหนดนั้นถูกสายลับการข่าวกรองรัสเซียในคราบเจ้าหน้าที่การทูตใช้เล่ห์ลอกล่อสโนว์เดนให้ติดกับ “เป็นลูกไม้ที่ทำให้สโนว์เดนตกหลุมพราง” พันตรีคาร์ปิชคอฟ อดีตเจ้าหน้าที่ในหน่วยที่ 2ของหน่วยงานเคจีบีที่มีความเชี่ยวชาญในด้านข่าวกรองเปิดเผยต่อสื่อNigel Nelson of The Mirror ว่า ในขณะนี้รัสเซียต่างมุ่งหวังที่จะเข้าถึงข้อมูลความมั่นคงทุกอย่างที่สโนว์เดนครอบครอง”

ทั้งนี้พันตรีคาร์ปิชคอฟได้หลบหนีจากกรุงมอสโกในปี 1998 หลังจากทำงานเป็นสายลับให้กับหน่วยงานเคจีบีจารกรรมการข่าวของลัตเวีย ประเทศบ้านเกิดของเขา และทำงานให้กับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซียFSB ในยุคหลังการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต โดยพันตรีคาร์ปิชคอฟในวัย 55ปีเปิดเผยว่า เขายังคงติดต่อกับเพื่อนฝูงเก่าอดีตสายลับอยู่

สโนว์เดนได้บินออกจากรัฐฮาวายมายังฮ่องกงในวันที่ 20 พฤษภาคม 2013 และเขาได้เปิดตัวต่อโลกในฐานะเป็นแหล่งข่าวในเอกสารลับของหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2013 และสโนว์เดนในวัย 30ปี ได้กลายเป็นผู้ไร้สถานภาพที่เทอร์มินอลทรานซิสในท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงมอสโกในวันที่ 23 มิถุนายน ทันทีที่เขาได้เดินทางมาถึงรัสเซียพร้อมด้วยพาสปอร์ตที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯทำการยกเลิกและเอกสารการเดินทางของชาวเอกวาดอร์ที่ยังไม่ได้ลงนามที่ได้รับมาจากจูเลียน อัสซาน(Julian Assange) ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ที่ยังคงลี้ภัยอยู่ภายในสถานทูตเอกวาดอร์ในอังกฤษ

ทั้งนี้พันตรีคาร์ปิชคอฟเปิดเผยต่อว่า เครมลินได้แอบปล่อยข้อมูลการเดินทางของสโนว์เดนมายังกรุงมอสโกเพื่อยั่วยุให้ทางวอชิงตันยกเลิกหนังสือเดินทางของเขา ที่วอชิงตันได้ทำการเพิกถอนหนังสือเดินทางของสโนว์เดนในวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา และอัสซานยังให้คำแนะนำกับสโนว์เดนว่า “เขาจะมีความปลอดภัยทางกายมากที่สุดเมื่ออยู่ในมอสโก”

โดยพบว่าสโนว์เดนอยู่ใต้การคุ้มกันของหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย FSB อย่างน้อยตั้งแต่เขาได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในรัสเซียได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2013 เป็นต้นมา ซึ่งอดีตสปายเคจีบียืนยันว่า สโนว์เดนอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตชานเมืองกรุงมอสโกที่อยู่ในอิทธิพลของ FSB “อพาทเมนต์ของสโนว์เดนมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และสโนว์เดนต้องเข้าพบเจ้าหน้าที่ FSB ราว 2 ครั้งต่อสัปดาห์ที่มีอาหารและเครื่องดื่มจัดเลี้ยงอย่างไม่อั้น” พันตรีคาร์ปิชคอฟกล่าว

นอกจากนี้อดีตสายลับเคจีบีอีกคน พลเอกโอลีก คาลูกิน ( Olig Kalugin) ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ VentureBeat ว่า “สายลับรัสเซียต่างรู้สึกยินดีในของขวัญพิเศษที่สโนว์เดนมอบให้ โดยสโนว์เดนยุ่งอยู่กับสิ่งที่เขาทำตลอดในช่วงเวลาที่ลี้ภัยที่นั่นโดยไม่นิ่งเฉยอยู่กับที่ในแต่ละวัน” พลเอกคาลูกินเผย

และพันตรีคาร์ปิชคอฟยังยืนยันว่า มอสโกได้เริ่มจับตาสโนว์เดนเป็นเสมือนคนที่อาจนำความลับขององค์กรเปิดเผยต่อโลกตั้งแต่ปี 2007 และสนใจในข้อมูลส่วนตัวของสโนว์เดนเมื่อเขาทำงานให้กับCIAที่กรุงเจนีวา ทั้งนี้หน่วยงานCIA สหรัฐฯได้ว่าจ้างสโนว์เดนในตำแหน่งผู้จัดการระบบและเจ้าหน้าที่เทคนิกในปี 2006 และได้ส่งเขาไปประจำสถานีที่กรุงเจนีวาในต้นปี 2007ภายใต้บทบาทเจ้าหน้าที่การทูตของสหรัฐฯประจำองค์การสหประชาชาติ และสโนว์เดนในวัย 24ปีทำหน้าที่เป็นผู้สอดแนมระบบการสื่อสารข้อมูลประจำหน่วยงานCIA ในกรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แหล่งข่าวอดีตเจ้าหน้าที่CIAเผยต่อแวนิตีแฟร์

และสโนว์เดนได้เปิดเผยว่า เขาเคยคิดที่จะแฉความลับทางความมั่นคงของสหรัฐฯครั้งแรกในปี 2008 และพันตรีคาร์ปิชคอฟยืนยันว่า สโนว์เดนได้ลาออกจากหน่วยงาน CIAในต้นปี 2009 หลังจากที่เขาเริ่มมีความกดดันจากการมีทัศนคติในแง่ลบต่อการจัดการภายในองค์กรของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และหลังจากนั้นสโนว์เดนได้ทำงานให้กับหน่วยงาน NSA สหรัฐฯในตำแหน่งพนักงาน และตำแหน่งลูกจ้างคอนแทรกจากบริษัทภายนอกNSA ก่อนที่เขาจะหลบหนีไปฮ่องกง

ทั้งนี้สหรัฐฯเชื่อว่า สโนว์เดนที่ปรากฏตัวบนเว็บออนไลน์ตั้งแต่ปี 2001 จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2012 เริ่มต้นดาวโหลดเอกสารลับของหน่วยงาน NSAในหน้าร้อนปี 2012 และประเมินว่าได้ขโมยเอกสารลับไปร่วม 1.7ล้านชิ้น แต่เขาได้มอบให้สื่อมวลชนไปเพียง 200,000 ชิ้น

และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อใดหรือถ้าอดีตผู้ควบคุมระบบของNSAสโนว์เดนได้ทำลายเอกสารลับร่วม 1.5 ชิ้นที่ต้องสงสัยว่าอาจมีความลับทางทหารสหรัฐฯรวมอยู่ในนั้น โดยสโนว์เดนได้ให้สัมภาษณ์กับNBC สื่อสหรัฐฯยืนยันว่า ได้ทำลายเอกสารลับพวกนั้นไปแล้ว แต่ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส สื่อสหรัฐฯว่า ได้มอบเอกสารทั้งหมดให้กับนักข่าวเมื่อครั้งพบกันที่ฮ่องกง

เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เจ้าหน้าที่ควบคุมระบบที่มีความชำนาญเป็นที่สนใจต่อหน่วยงานการข่าวกรองที่เป็นภัยต่อสหรัฐฯ โดยทั้งสหรัฐฯและอังกฤษต่างอ้างว่า การแฉข้อมูลของสดนว์เดนส่งผลร้ายเป็นอย่างมากต่อปฎิบัติการของหน่วยงานข่าวกรองของประเทศ และไม่ว่ากรณีไหน มันสมองของสโนว์เดนล้วนเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ให้ที่พักพิงแก่เขาในกรุงมอสโก “สโนว์เดนต้องอยู่ในกรุงมอสโกนานตราบเท่าที่คนเหล่านั้นได้ทุกสิ่งตามที่ต้องการจากตัวเขา” พันตรีคาร์ปิชคอฟกล่าว และเสริมว่า พวกเขาล้วนต้องใช้เวลาเพื่อสกัดข้อมูลลับที่สโนว์เดนมีอยู่เกี่ยวกับวิธีปฎิบัติการและแทคติกของหน่วยงานการข่าวโลกตะวันตก”
พันตรีบอริส  คาร์ปิชคอฟ( Boris Karpichkov) อดีตสายลับเคจีบีของสหภาพโซเวียต
กำลังโหลดความคิดเห็น