สโนว์เดนจวก “NSA โกหกคำโต” หาว่าไม่เคยแจ้งให้ตรวจสอบภายใน ก่อนแฉผ่านสื่อ

เอเจนซีส์ - เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน นักแฉระดับโลกให้สัมภาษณ์นิตยสารแวนิตี แฟร์ สื่อสหรัฐฯ ที่จะออกตีพิมพ์ในปลายสัปดาห์นี้ โต้หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ NSA ที่อ้างว่า ไม่มีหลักฐานชี้ว่าสโนว์เดนยื่นเรื่องขอให้มีการตรวจสอบภายในถึงโครงการสอดแนมลับที่กระทบสิทธิส่วนบุคคลทั่วโลกก่อนที่เขาจะตัดสินใจนำไปเปิดเผยสู่สาธารณชน

นิตยสารแวนิตี แฟร์ สื่อสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ตัวอย่างคำสัมภาษณ์ของอดีตนักวิเคราะห์ข้อมูลหน่วยงาน NSA เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ที่จะเผยแพร่ฉบับเต็มในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งสโนว์เดนได้ออกมาเรียกร้องให้ NSA ให้ข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของเขาในการขอให้หน่วยงานตรวจสอบเป็นการภายในอย่างถูกต้อง

สโนว์เดนในวัย 30 ปี ได้ให้การกับรัฐสภายุโรปในเดือนที่ผ่านมาว่า “ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NSA จำนวนอย่างน้อย 10 คน เกี่ยวกับความกังวลของเขาต่อโครงการสอดแนมต่างๆของ NSA แต่ในท้ายที่สุดทำให้เขาต้องเผยแพร่ข้อมูลนี้ผ่านหน้าสื่อสู่สาธารณะ เนื่องจากทางหน่วยงานไม่ตอบสนองต่อข้อร้องเรียน ทั้งนี้ สโนว์เดนได้พำนักอยู่ในรัสเซียประเทศที่อนุญาตให้เขาทำการลี้ภัยชั่วคราวเพื่อหนีการถูกจับกุมตัวจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในความผิดการเผยแพร่เอกสารลับของประเทศ

ทั้งนี้ แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานจะออกมาโต้สโนว์เดน แต่นักแฉได้เปิดเผยต่อแวนิตี แฟร์ว่าเขาสามารถใช้อีเมลย้อนหลังเป็นหลักฐานยืนยันคำพูดของตนเองว่าหน่วยงาน NSA โกหก

“ในจุดนี้ NSA ไม่เพียงแต่รับรู้ว่าผมได้เคยยื่นข้อร้องเรียน แต่ยังมีหลักฐานที่สามารถแสดงว่าผมได้เปิดเผยถึงความกังวลในโครงการสอดแนมของหน่วยงานที่ทีมกฎหมายของ NSA รับทราบ เพราะผมได้แจ้งเรื่องนี้ผ่านทางอีเมล” สโนว์เดนกล่าวกับแวนิตี แฟร์

และเสริมต่อว่า “ผมขอท้าให้ NSA ปฏิเสธว่า ผมได้ติดต่อหน่วยงานเพื่อการตรวจสอบภายใน และส่งอีเมลที่แสดงความกังวลต่อโครงการสอดแนมที่อาจขัดต่อกฎหมาย นอกจากนี้ผมต้องการให้สมาชิกสภาคองเกรสขอคำตอบจาก NSA อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องนี้”

ขณะที่สโนว์เดนได้ยืนยันเรื่อยมาว่าเขาได้เคยขอร้องให้ NSA มีการตรวจสอบภายในก่อนที่เขาจะตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลลับสู่สาธารณะ

และในการให้การกับรัฐสภายุโรป สโนว์เดนกล่าวว่า “ในบรรดากลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NSA ที่ผมได้รายงานข้อร้องเรียน ไม่มีใครใน NSA สามารถให้คำตอบได้อย่างทันทีว่าข้อร้องเรียนของผมไปจบลงที่ไหน มีแต่ความรู้สึกที่พวกเขาไม่อยากเอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้” และสโนว์เดนได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับวอชิงตันโพสต์ว่า “ ซึ่งผมได้ถามคนพวกนี้ว่า “คุณคิดว่าสังคมจะทำอย่างไรหากเรื่องนี้อยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์?” สิ่งนี้จะไม่ถูกรายงานได้อย่างไร?”

แต่ NSA ได้ตอบกลับสโนว์เดนที่ได้ให้สัมภาษณ์กับวอชิงตันโพสต์เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2013 ว่า “ทางหน่วยงานไม่พบหลักฐานที่จะสนับสนุนทำให้เชื่อได้ว่าสโนว์เดนได้เคยแจ้งเรื่องนี้ให้คนอื่นในองค์กรรับทราบ”

และก่อนหน้านี้ สโนว์เดนได้อ้างว่ากฎหมายปกป้องผู้เปิดเผยความลับหน่วยงานรัฐนั้นไม่คุ้มครองเขา เพราะสโนว์เดนไม่ได้เป็นพนักงานที่ได้รับการว่าจ้างโดยตรงจากหน่วยงาน NSA แต่เป็นพนักงานของบริษัทเอกชนจึงไม่สามารถรอดพ้นจากการลงโทษตามกฎหมายจากการเปิดเผยความลับได้ หากยังอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งสโนว์เดนอธิบายเรื่องนี้ต่อรัฐสภายุโรป

อย่างไรก็ตาม ริชาร์ด เลดเจตต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ NSA ที่รับผิดชอบการตรวจสอบภายในในการทำผิดของสโนว์เดนได้ให้สัมภาษณ์กับแวนิตี แฟร์ในสัปดาห์นี้ว่า จากเท่าที่รู้ไม่มีผู้ร่วมงานของสโนว์เดนรับรู้ถึงข้อร้องเรียนของสโนว์เดนจากสิ่งที่เขาได้อ้าง

แต่ทว่าในต้นปี 2014 ปรากฏว่า NSA ได้ลงโทษทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ NSA จำนวนหนึ่งที่พบว่ามีส่วนช่วยเหลือสโนว์เดนในการรวบรวมข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลภายในหน่วยงาน ที่รวมถึงเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ที่ยังรับราชการอยู่ และพนักงานคอนแทร็กจากบริษัทเอกชนอย่างน้อย 2 คน

นอกจากนี้ ในการสัมภาษณ์กับแวนิตี แฟร์ สโนว์เดนยังย้ำว่า มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NSA เท่านั้นที่เขาคิดว่าควรจะรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายไม่ใช่พนักงานระดับปฏิบัติการ