xs
xsm
sm
md
lg

เสนอ “นิรโทษกรรม” ให้ “สโนว์เดน” แลกข้อมูลอีกจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านชิ้นที่ยังเก็บไว้กับตัว บอสใหญ่ NSA ค้านหัวชนฝา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ริชาร์ด เล็ดเจตต์ ผู้ซึ่งรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากการเปิดเผยข้อมูลลับของหน่วยงาน NSA ที่ออกมาจากการเปิดเผยของ “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” ได้เสนอความเห็นส่วนตัวกลางรายการ 60 Minutes ที่ออกอากาศในวันนี้ (15) เวลา 19.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ว่า เขาขอเสนอให้สหรัฐฯ “นิรโทษกรรม” ให้แก่นักแฉระดับโลกรายนี้ โดยเขาให้เหตุผลว่า เขาต้องการให้เอกสารลับของหน่วยงานจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านชิ้นที่ยังอยู่ในความครอบครองของสโนว์เดนปลอดภัย ทางด้าน พล.อ.คีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการ NSA ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเล็ดเจตต์กลับเห็นขัดแย้ง

ริชาร์ด เล็ดเจตต์ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.คีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการ NSA ได้ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานหน่วยงานความมั่นคงในรัฐแมร์ริแลนด์กับรายการ 60 Minutes ที่ออกอากาศในวันนี้ (15) เวลา 19.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้ออกมาเสนอความเห็นส่วนตัวว่า ทางสหรัฐฯ ควรจะเห็นแก่ความปลอดภัยของเอกสารลับของหน่วยงาน NSA ที่ยังอยู่ในความครอบครองของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตนักวิเคราะห์ข้อมูล NSA ในการให้นิรโทษกรรมแก่นักแฉระดับโลกผู้นี้

โดยเล็ดเจตต์ มั่นใจว่า สโนว์เดนที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในรัสเซียยังคงครอบครองเอกสารลับกับตัวอีกจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านชิ้น ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาของเขากลับไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ โดยอเล็กซานเดอร์ ให้ความเห็นว่า “การนิรโทษกรรมนี่เหมือนกับ... มีคนร้ายจับตัวประกันไว้ 50 คน และหลังจากที่ยิงตัวประกันไปแล้ว 10 คน คนร้ายกลับมาต่อร้องขอ “นิรโทษกรรม” ความผิดทั้งหมดเพื่อแลกกับชีวิตของตัวประกันอีก 40 คน ถ้าเป็นคุณ...คุณจะทำอย่างไร”

ในขณะที่ผ่านมา ทางหน่วยงานได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลเหมือนกับที่สโนว์เดน ได้ทำไป โดยการเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการกำหนดโทษทางวินัยที่รุนแรง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NSA เผยในวันศุกร์ (13) ซึ่งเป็นการทำตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการกำกับของทำเนียบขาวเพื่อป้องกันการถูกจารกรรมความลับ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ริชาร์ด เล็ดเจตต์ ผู้ซึ่งรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากการเปิดเผยข้อมูลลับของหน่วยงานNSAที่ออกมาจากการเปิดเผยของ “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน”
และในการสัมภาษณ์กับรอยเตอร์ เล็ดเจตต์ ยอมรับในความผิดพลาดที่ทาง NSA ไม่ได้ตอบสนองอย่างรวดเร็วหลังจากสาธารณชนได้รับรู้โครงการสอดแนมลับที่ถูกสื่อเปิดเผยบนหน้าหนังสือพิมพ์ และเขายังอ้างว่าจะทำให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และเล็ดเจตต์ ยังได้แสดงความกังวลมากถึงเอกสารลับจำนวนมหาศาลที่อยู่ในมือ สโนว์เดน โดยเขาเชื่อว่าที่ผ่านมา สโนว์เดน ได้ขโมยเอกสารออกมาทั้งหมดราว 1.7 ล้านชิ้น และเขาได้มอบเอกสารลับแก่ผู้สื่อข่าวที่พบกันในฮ่องกงราว 200,000 ชิ้น ดังนั้น สโนว์เดน ยังคงมีเอกสารลับที่เก็บไว้กับตัวในอีกกว่า 1.5 ล้านชิ้น แต่ที่ผ่านมา สโนว์เดน ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้มอบเอกสารลับทั้งหมดได้ออกมาให้แก่ผู้สื่อข่าวไปแล้ว

ในขณะที่สื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียน ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูง NSA ได้ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์เมื่อวานนี้ (14) ว่า ทางหสรัฐฯ ยังไม่ทราบถึงขอบเขตเนื้อหาเอกสารที่ยังอยู่ในมือของสโนว์เดน อย่างแท้จริง เป็นเพราะในสาขาฮาวายที่สโนว์เดน ทำงานในฐานะเอาต์ซอร์สนั้นไม่มีใครคอยมอนิเตอร์ซึ่งต่างจากสาขาอื่นที่มีการควบคุมอยู่ตลอดเวลาซึ่งจะสามารถจับถึงสิ่งผิดปกติได้หากเจ้าหน้าที่หน่วยงาน จำนวน 35,000 คน ได้กระทำอะไรลงไป

โดยในเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เอกสารที่สโนว์เดน ได้ไปไม่เพียงแต่มีความเกี่ยวพันทางด้านมอนิเตอร์การสื่อสารของประชาชนเท่านั้น แต่เขายังได้ข้อมูลความลับทางด้านความมั่นคงของประเทศอื่น เช่น การปฎิบัติการของหน่วยงานความมั่นคง สมรรถนะทางทหารของกองทัพ และระบบอาวุธของประเทศต่างๆ

และนอกจากนี้ ในการสัมภาษณ์รายการ 60Minutes เล็ดเจตต์ ยังได้ออกมาแก้แทนถึงโครงการสอดแนมซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแกะรอยผู้ก่อการร้าย และศัตรูของสหรัฐฯ และกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะรหัสข้อมูลรุ่นใหม่ นักภาษาศาสตร์ และนักไอทีที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ NSA ล่าสุดนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่สโนว์เดน ได้ทำไว้ เพราะทางหน่วยงานมีหลักการของตนเอง

ซึ่งพบว่าทางหน่วยงานได้ปรับปรุงโดยการใช้มาตรการทางเทคนิคถึง 41 วิธีในการป้องกันการจารกรรมข้อมูลจากภายในองค์กรซึ่งใช้วิธี “Tagging and Tracking” ในการควบคุม “กิจกรรม” ที่ทำอยู่ในระบบเครือข่ายตลอดเวลา รวมไปถึงเพิ่มการสอดส่องบุคคลขึ้น

โดยมาตรการการควบคุมนี้ รวมไปถึงให้มีเจ้าหน้าที่ 2 คนคอยควบคุมทั้งระบบในระหว่างที่มีใครสักคนได้ล็อกออนเข้าไป และยังเพิ่มมาตรการปลอดภัยอีกหลายชั้นก่อนที่ให้ยูเซอร์เข้าระบบ นอกจากนี้ ยังต้องมีการมอนิเตอร์ระบบการจัดการที่ดูแลยูเซอร์เพื่อเข้าชั้นความลับเป็นระยะๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น