เอเอฟพี – กระแสคลื่นที่กัดเซาะชายฝั่งหมู่เกาะมาร์แชลล์ ทำให้โครงกระดูกซึ่งน่าจะเป็นของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โผล่ขึ้นมาจากดินริมชายหาดของเกาะแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงวันนี้(9)
โครงกระดูกผู้ชายราว 20 ร่างโผล่พ้นจากดินที่สุสานริมทะเลแห่งหนึ่งบนหมู่เกาะมาร์แชลล์กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์เตือนมานานแล้วว่า สุ่มเสี่ยงต่อการถูกรุกคืบโดยน้ำทะเล อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน
“รัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์แจ้งให้เราทราบว่า โครงกระดูกราว 20 ร่างโผล่ขึ้นมาที่ชายหาดของเกาะเอ็นนิเบอร์... เนื่องจากคลื่นได้ชะล้างหน้าดินบริเวณสุสานซึ่งสร้างอยู่ริมทะเล” เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นแถลง
เช่นเดียวกับหมู่เกาะอื่นๆในมหาสมุทรแปซิฟิก ชายหาดของหมู่เกาะมาร์แชลล์กำลังเสี่ยงจมทะเลเพราะระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“หากเป็นกระดูกของทหารญี่ปุ่นจริง ก็นับเป็นกรณีที่พบได้ยากมากที่หลุมศพทหารจะถูกคลื่นซัดจนโครงกระดูกโผล่พ้นดินเช่นนี้” เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุ
หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลโตเกียวพยายามที่จะนำกระดูกทหารและพลเมืองญี่ปุ่นหลายล้านคนซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วเอเชียแปซิฟิกกลับสู่บ้านเกิด หลังจากที่ดินแดนเหล่านั้นเคยถูกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองจนถึงช่วงท้ายๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 2
หมู่เกาะมาร์แชลล์ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะปะการังกว่า 20 แห่ง ตกอยู่ในความควบคุมของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1914 เรื่อยมาจนถึงช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้สิ้นสุด ก่อนที่จะตกไปอยู่ในความดูแลของสหรัฐฯ
หมู่เกาะแห่งนี้ได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ในปี 1986 ทว่าหมู่เกาะปะการังควาจาลีน (Kwajalein Atoll) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเกาะเอ็นนิเบอร์ ยังอยู่ภายในการควบคุมของกองทัพอเมริกันมาจนทุกวันนี้
“รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะส่งเข้าไปตรวจสอบโครงกระดูกเหล่านั้น แต่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความควบคุมของกองทัพสหรัฐฯ” เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นแถลง