รอยเตอร์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยกองทัพจีนทุ่มงบพัฒนานวัตกรรมของอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) เรือรบ เครื่องบินเจ็ท ขีปนาวุธ และอาวุธไซเบอร์ มากกว่า 145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4 ล้านล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขสูงกว่าที่ทางการจีนประกาศอย่างเป็นทางการ
เพนตากอนคำนวณโดยใช้ราคาและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในปี 2013 ซึ่งทำให้ประมาณได้ว่า ตัวเลขของงบที่แท้จริงนั้นสูงกว่าตัวเลขที่ปักกิ่งได้ประกาศไว้ที่ 119,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 21 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวมาจากรายงานประจำปีของสภาคองเกรสที่มีการอ้างถึงความก้าวหน้าในสมรรถภาพด้านความมั่นคงของจีนที่ไม่หยุดหย่อน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การประเมินตัวเลขการใช้จ่ายของจีนเป็นไปได้ยาก ส่วนหนึ่งมาจากความไม่โปร่งใสของการทำบัญชี และอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจแบบรัฐบาลควบคุม
รายงานฉบับนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน ภายหลังจากที่ ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเป็นพิเศษกล่าวหาว่า การกระทำของจีนที่คอยจ้องอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้นั้นเป็นการทำลายความมั่นคงในภูมิภาค
จีนอ้างสิทธ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ที่มั่งคั่งไปด้วยก๊าซและน้ำมัน โดยเพิกเฉยต่อเสียงคัดค้านจากไต้หวัน บรูไน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย รวมถึงญี่ปุ่นที่มีข้อพิพาทกับจีนว่าด้วยหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก
รายงานความยาว 96 หน้ายังระบุว่า จีนกำลังเน้นการเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยจัดให้มีการจัดซ้อมรบภายใต้รหัส Maneuver 5 ในทะเลฟิลิปปินส์ในเดือนตุลาคม
เพนาตากอนระบุว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการซ้อมในทะเลเปิดของกองทัพเรือจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าเคยมีมา
เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯได้จับกุมเจ้าหน้าที่ทหารของจีน 5 นาย และตั้งข้อหาเจาะข้อมูลระบบพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ตลอดจนบริษัทประกอบการด้านโลหะและแสงอาทิตย์ เพื่อล้วงความลับทางการค้า ทวีความตึงเครียดด้านการจารกรรมไซเบอร์ระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจ
นอกจากนี้ เพนตากอนยังอ้างถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอากาศยานไร้นักบินของจีนที่รายงานจากคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์กลาโหมได้เตือนว่า ปักกิ่งพยายามรวบรวมทรัพยากรอย่างไม่มีขีดจำกัด ซึ่งทำให้การจัดสรรงบประมาณด้านระบบไร้คนควบคุมของจีนอาจเทียบเท่าหรือแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ในอนาคต