รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยวานนี้ (24 พ.ค.) ว่าวอชิงตันกำลังพิจารณาว่าจะปฏิเสธวีซาของพลเมืองจีน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวแดนมังกรเข้าร่วมฟังการบรรยายในหัวข้อจารกรรม ซึ่งกำหนดมีขึ้น ณ เมืองลาสเวกัสในเดือนสิงหาคมนี้ โดยถือเป็นความพยายามควบคุมการจารกรรมทางโลกไซเบอร์ของจีนที่กำลังแผ่ขยาย
เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่า วอชิงตันอาจปฏิเสธวีซา และใช้มาตรการอื่นๆ กีดกันไม่ใช้ชาวจีนมาเข้าร่วมงานจารกรรม “เดฟคอน” และ “แบล็กแฮท” ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อกดดันแดนมังกร ภายหลังสหรัฐฯ ตั้งข้อหาลอบเจาะระบบของบริษัทอเมริกันหลายแห่งเพื่อล้วงความลับทางธุรกิจ กับเจ้าหน้าที่กองทัพจีน 5 คนในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม จีนได้ปฏิเสธข้อหาเหล่านี้ โดยชี้ว่าถูกสหรัฐฯ ปรักปรำ
บรรดาผู้จัดการบรรยายทั้ง 2 ครั้งกล่าวว่า พวกไม่ทราบเรื่องว่าทางการสหรัฐฯ ได้เตรียมการไว้อย่างไร แต่เชื่อว่า การจำกัดสิทธิไม่ให้จีนมาเข้าร่วมงานนี้เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่า
เจฟฟ์ มอส ผู้ริเริ่มจัดงานเดฟคอน และแบล็กแฮท ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ในประเด็นนี้ ถึงแม้เขาจะแสดงความคิดเห็นทางทวิตเตอร์ว่า “ตอนที่ผมได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ตอนมาถึงวอชิงตัน ดีซี ผมไม่คิดว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยสร้างประชาคมที่เป็นมิตรต่อกัน”
คริส วีโซพาล สมาชิกคณะกรรมการทบทวนของแบล็กแฮทชี้ว่า การจำกัดสิทธิการเข้างานนั้นแทบจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อจีน เนื่องจากมีการจัดทำดีวีดีบันทึกการบรรยาย เพื่อเสนอขายทางเว็บไซต์
เดฟคอนระบุในทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการว่า “ หากคุณต้องการเข้าร่วม หรือกล่าวบรรยายในงาน #DEFCON และคุณต้องการวีซาเข้าสหรัฐฯ โปรดติดต่อขอจดหมายเชิญจากเรา เพื่ออำนวยความสะดวกในขั้นตอนกรอกวีซา”
ที่แบล็กแฮท ลูกจ้างคนหนึ่งของบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย กีฮู (Qihoo) ของแดนมังกร มีกำหนดกล่าวบรรยายในหัวข้อจุดอ่อนของซอฟต์แวร์ ขณะที่นักวิจัยอีก 2 คนจากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง ก็จะขึ้นเวทีเพื่อบรรยายหัวข้อการจารกรรมสื่อสังคมออนไลน์เช่นกัน ขณะที่งานเดฟคอนไม่มีแขกรับเชิญที่เป็นชาวจีน
การห้ามจีนเข้าร่วมงานเดฟคอน เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากเหล่าผู้จัดงานซึ่งตระหนักถึงสิทธิส่วนบุคคลเพียงแต่ขายบัตรเข้างานโดยไม่ได้ตรวจสอบชื่อของผู้ชมงาน
เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลกับสาธารณชนกล่าวว่า บรรดาหน่วยงานของสหรัฐฯ กำลังพิจารณามาตรการต่างๆ มากมาย ในกรณีที่จีนไม่ควบคุมการจารกรรมโลกไซเบอร์
เจ้าหน้าที่ชี้ว่า “เราพยายามพูดคุยกันด้วยเหตุผลแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้เดินทางไปยังจีนเพื่อนำหลักฐานไปยืนยันว่า (กองทัพปลดแอกประชาชนจีน) กระทำจารกรรมข้อมูลสหรัฐฯ แต่การพูดคุยก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดความก้าวหน้า หรือการประนีประนอมรอมชอมอะไรมากนัก”
แผนการปฏิเสธวีซาชาวจีนเปิดเผยเป็นครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์ “วอล สตรีท เจอร์นัล” ซึ่งระบุด้วยว่า อีกมาตรการหนึ่งที่สหรัฐฯ อาจนำมาใช้กดดันจีนคือ การเปิดเผยหลักฐานชิ้นใหม่ที่ชี้ว่า จีนดำเนินปฏิบัติการจารกรรม
บรรดาผู้จัดงาน “สเปซแอนด์ไซเบอร์” ของมูลนิธิสเปซ ซึ่งกำหนดมีขึ้น ณ มลรัฐโคโลราโดสัปดาห์นี้กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีพลเมืองจีน 10 ถึง 12 คนถูกปฏิเสธวีซาโดยไม่คาดคิด
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเชิญให้มาร่วมบรรยายในงานนี้มีดังเช่น เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ และบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรอง และกองทัพสหรัฐฯ
ทางด้าน เจน ซากี โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ขั้นตอนการขอวีซานั้นเป็นความลับ พร้อมทั้งชี้ว่าการปฏิเสธวีซา และข้อกล่าวหาจารกรรมไม่เกี่ยวข้องกัน