เอเอฟพี – ตำรวจไนจีเรียสั่งห้ามประชาชนออกมาชุมนุมในกรุงอาบูจาเพื่อสนับสนุนนักเรียนหญิง 200 กว่าคนที่ถูกกลุ่มติดอาวุธโบโกฮารามลักพาตัว ขณะที่นักเคลื่อนไหวขู่จะเอาผิดเจ้าหน้าที่ซึ่งออกคำสั่งอย่าง “ผิดกฎหมาย”
เสียงป่าวร้องของกลุ่ม Bring Back Our Girls (นำเด็กหญิงของเราคืนมา) ที่ออกมากระตุ้นให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือตัวประกันกลายเป็นภาพที่เห็นจนชินตาในกรุงอาบูจา หลังผ่านมานานถึง 7 สัปดาห์นับจากวันที่กลุ่มโบโกฮารามลักพาตัวนักเรียนหญิง 200 กว่าชีวิตไปจากโรงเรียนทางตอนเหนือของไนจีเรีย เมื่อวันที่ 14 เมษายน
อัลติเน แดเนียล โฆษกหญิงจากสำนักงานตำรวจนครบาลไนจีเรีย (เอฟทีซี) ยืนยันผ่านข้อความโทรศัพท์ว่า มีการออกคำสั่งแบนการชุมนุมในเมืองหลวงจริง เนื่องจาก “เหตุผลด้านความปลอดภัย”
ผู้จัดการประท้วงออกมาตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมและแรงจูงใจทางการเมือง แต่ผู้บัญชาการตำรวจ โจเซฟ อึมบู ยืนยันว่า ตำรวจจำเป็นต้องสั่งห้ามการชุมนุม เพราะเกรงจะมี “ผู้ไม่หวังดี” แฝงตัวเข้ามา
“เอฟทีซี ไม่มีเหตุผล และไม่มีอำนาจที่จะปิดกั้นการชุมนุมโดยสันติในเมืองหลวง ไม่มีเลยสักนิด” โอบี เอเซเกวซิลี หนึ่งในแกนนำผู้ประท้วง เขียนลงในทวิตเตอร์
“คำสั่งแบนการชุมนุมมันบ้าบอสิ้นดี เราจะยื่นฟ้องศาลให้เร็วที่สุดเพื่อคัดค้าน” เฟมี ฟาลานา ทนายของกลุ่มผู้ประท้วงให้สัมภาษณ์ พร้อมชี้ว่า การที่ประชาชนออกมาชุมนุมโดยสันตินั้นไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากทางการ
โรโตมี โอลาวาเล โฆษกกลุ่ม Bring Back Our Girls ยืนยันว่า พวกเขาไม่รู้สึกหวั่นเกรงต่อคำสั่งห้ามชุมนุม และจะออกมาพบปะกันอีกในกรุงอาบูจา วันนี้ (2)
การเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงกลุ่มนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการรณรงค์ #BringBackOurGirls ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากทั่วโลกตั้งแต่บุคคลธรรมดาเรื่อยไปจนถึงสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ มิเชล โอบามา และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ครอบครัวเหยื่อและผู้สนับสนุนต่างตำหนิรัฐบาลประธานาธิบดี กู๊ดลัค โจนาธาน ว่าตอบสนองเหตุการณ์อย่างล่าช้า และเพิกเฉยต่อความทุกข์ทรมานของผู้สูญเสีย