กษัตริย์สเปนประกาศสละราชสมบัติ ให้พระราชโอรสสืบทอดบัลลังก์แทน

เอเจนซีส์ - กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส แห่งสเปน ทรงประกาศสละราชบัลลังก์ และให้พระราชโอรส มกุฎราชกุมารเฟลิเปขึ้นครองราชย์แทน หลังจากทรงขึ้นเป็นพระราชาธิบดีของแดนกระทิงดุมายาวนาน 39 ปี และนำพาสเปนผ่านยุคเผด็จการเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี ช่วงหลายปีหลังๆ มานี้ ราชวงศ์สเปนต้องเผชิญเรื่องอื้อฉาวหลายครั้งหลายครา

นายกรัฐมนตรี มาเรียโน ราฮอย เป็นคนแรกที่แถลงถ่ายทอดข่าวนี้ทางทีวีทั่วประเทศ เมื่อวันจันทร์ (2 มิ.ย.) โดยไม่ได้ระบุว่า กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส จะทรงสละราชสมบัติเมื่อใด ทั้งนี้ รัฐบาลเองก็จำเป็นต้องร่างกฎหมายเพื่อสร้างกลไกรองรับการสละราชบังลังก์ และปูทางให้เจ้าชายเฟลิเป มกุฎราชกุมารพระชนมายุ 46 พรรษา ขึ้นครองราชย์แทน

ตามคำแถลงของราฮอย กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ได้ทรงพระราชทานพระราชหัตถเลขาแก่ราฮอย เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการถึง “การตัดสินใจสละราชสมบัติของข้าพเจ้าให้แก่มกุฎราชกุมารแห่งสเปน”

อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กษัตริย์สเปนก็ทรงมีพระราชดำรัสถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่า ช่วงเวลาหลายๆ ปีแห่งวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ประเทศเผชิญอยู่ “ทำให้พวกเราได้ตื่นตัวเกิดความตระหนักถึงความปรารถนาที่จะชุบชีวิตใหม่ ที่จะเอาชนะแก้ไขความผิดพลาดต่างๆ และที่จะเปิดหนทางไปสู่อนาคตที่เห็นแล้วว่าดีขึ้นกว่าเดิม”

“วันนี้ คนรุ่นหนุ่มสาวกว่า สมควรที่จะได้ก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงแถวหน้า ด้วยพลังงานอย่างใหม่ๆ” กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ตรัส “ด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้ … ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะยุติรัชสมัยของข้าพเจ้า และสละราชบัลลังก์ให้แก่มกุฎราชกุมารแห่งสเปน”

กษัตรย์ฮวน คาร์ลอส ทรงขึ้นครองราชย์ในเดือนพฤศจิกายน 1975 หลังการอสัญกรรมของจอมเผด็จการ จอมพล ฟรันซิสโก ฟรังโก โดยที่ทรงมีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสเปน จากการนำพาประเทศออกจากยุคเผด็จการฟาสซิสต์ เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศได้ผ่านการลงประชามติในปี 1978

พระองค์ยังทรงได้รับยกย่องว่า ช่วยสกัดความพยายามก่อรัฐประหารของทหารกลุ่มหนึ่งที่บุกเข้ารัฐสภา และจับสมาชิกรัฐสภาเป็นตัวประกันนานหลายชั่วโมงในเดือนกุมภาพันธ์ 1981 โดยทรงมีพระราชดำรัสทางโทรทัศน์เรียกร้องให้พสกนิกรสนับสนุนรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย

ปัจจุบัน กษัตรย์ฮวน คาร์ลอส ทรงมีพระชนมายุ 76 พรรษา นอกจากทรงพระประชวรด้วยอาการพระโรคหลายๆ ประการแล้ว คะแนนนิยมในหมู่ประชาชนก็กำลังตกต่ำมาก สืบเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวของพระองค์เองและของสมาชิกสำคัญในราชวงศ์

เรื่องอื้อฉาวของพระองค์เองคือการที่พระองค์เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ในรายการท่องเที่ยวล่าช้างสุดหรูเลิศในประเทศบอสวานา เมื่อเดือนเมษายน 2012 ขณะที่เศรษฐกิจสเปนประสบภาวะถดถอยอย่างหนัก และประชาชนถึงราว 1 ใน 4 ต้องตกงาน

ทริปดังกล่าวเป็นข่าวเกรียวกราวขึ้นมา เนื่องจากกษัตรย์ฮวน คาร์ลอส ทรงประสบอุบัติเหตุพระโสณีขวา (สะโพกด้านขวา) หัก จึงต้องเสด็จกลับสเปนเพื่อทรงรับการผ่าตัด และภายหลังออกจากโรงพยาบาล ทรงมีพระราชดำรัสขอโทษประชาชนเกี่ยวกับรายการท่องเที่ยวดังกล่าว

ภาพลักษณ์ราชวงศ์ยังหม่นหมอง จากการที่ในปี 2011 ผู้พิพากษาเปิดการไต่สวนคดีคอร์รัปชันที่มีตัวละครสำคัญคือ อินากิ เออร์ดันการิน อดีตนักกีฬาโอลิมปิก และพระสวามีของเจ้าหญิงคริสตินา พระธิดาองค์สุดท้องของกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส และต่อมาในปีนี้เอง เจ้าหญิงคริสตินาถูกระบุเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับข้อกล่าวหาฉ้อโกงภาษีและฟอกเงินในคดีเดียวกับพระสวามี

ผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่ในเดือนมกราคมปีนี้ โดยหนังสือพิมพ์แนวกลาง-ขวา เอลมุนโด ระบุว่า จำนวนประชาชนที่ยังนิยมในตัวกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส อย่างมาก ได้ลดลง 9% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 41% ขณะที่จำนวนคนที่ต้องการให้พระองค์สละราชสมบัติให้แก่เจ้าชายเฟลิเปเพิ่มขึ้นถึง 17% เป็น 62%

สำหรับมกุฎราชกุมารเฟลิเป เดอ บอร์บอน หรือเจ้าชายแห่งแอสทูเรียสนั้น ทรงเป็นอดีตนักแข่งเรือยอชต์ในกีฬาโอลิมปิก และไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีอื้อฉาวในราชวงศ์

แม้เจ้าชายเฟลิเป ซึ่งทรงมีพระอุปนิสัยเคร่งขรึมมากกว่า จะทรงถูกนำไปเปรียบเทียบกับพระราชบิดามาโดยตลอด ทว่า ระยะหลังมานี้คะแนนนิยมในตัวพระองค์กลับเพิ่มขึ้น พระองค์อภิเษกสมรสกับผู้ประกาศทางทีวี เลติเซีย ออร์ติซ ในปี 2004 หลังจากทรงคบหากับสาวมามากหน้าหลายตา ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงนางแบบชุดชั้นในจากนอร์เวย์

และจากการตัดสินพระทัยของกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ครั้งนี้ จะทำให้ ออร์ติซ วัย 41 ปีที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้ว กลายเป็นสามัญชนคนแรกที่จะได้ขึ้นเป็นราชินีแห่งสเปน