เอเอฟพี - ท่านผู้หญิง แมรี โซเมส (Lady Mary Soames) บุตรสาวคนเล็กและทายาทคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ของอดีตนายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล แห่งอังกฤษ ถึงแก่กรรมแล้วอย่างสงบ สิริอายุได้ 91 ปี ครอบครัวแถลงเมื่อวานนี้ (1)
ท่านผู้หญิง โซเมส จากไปอย่างสงบที่บ้านของเธอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31) โดยมีบรรดาลูกหลานอยู่เคียงข้าง หลังจากที่ล้มป่วยได้ไม่นานนัก
เธอเป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาทายาททั้ง 5 คนของนายกรัฐมนตรี เชอร์ชิล ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำสหราชอาณาจักรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ท่านผู้หญิงได้สมรสกับ คริสโตเฟอร์ โซเมส นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมผู้ทรงอิทธิพล ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกัน 3 คน และบุตรสาวอีก 2 คน
สามีของท่านซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงปารีส, เลขาธิการฝ่ายสงคราม, กรรมาธิการยุโรป, และผู้ปกครองชาวอังกฤษคนสุดท้ายของโรดีเซียใต้ (Southern Rhodesia) ก่อนที่จะกลายมาเป็นประเทศซิมบับเวในปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ได้ออกมาแสดงความ “เสียใจ” ทันทีที่ทราบข่าวนี้
“เธอเป็นสตรีที่อบอุ่น และสามารถทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกสบายใจ... เธอดีกับ ซาแมนธา และผมมาก เราสองคนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรู้จักกับเธอ” คาเมรอน แถลง โดยเอ่ยถึงความรู้สึกโศกเศร้าอาลัยของเขากับภริยา ซาแมนธา คาเมรอน
“ในวาระครบ 70 ปีวันดีเดย์ เราทุกคนจดจำได้ว่า ท่านผู้หญิงโซเมสเคยรับใช้ชาติในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเคยเป็นประจักษ์พยานในหลายเหตุการณ์สำคัญของชาติ จากการที่ได้ติดตามนายกรัฐมนตรี เชอร์ชิล ไปร่วมการประชุมสำคัญๆ”
เชอร์ชิล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1940-1945 และกลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้งระหว่างปี 1951-1955 ก่อนจะถึงแก่อสัญกรรมในปี 1965 ด้วยวัย 90 ปี
ท่านผู้หญิง แมรี โซเมส หรืออดีต น.ส.แมรี เชอร์ชิล เคยทำงานกับสภากาชาดอังกฤษและหน่วยสตรีอาสาสมัครระหว่างปี 1931-1941 โดยปฏิบัติหน้าที่ทั้งในกรุงลอนดอน, เบลเยียม และเยอรมนี
เธอเคยติดตามบิดาไปต่างประเทศหลายครั้งในฐานะผู้ช่วยคนสนิท รวมถึงเข้าร่วมการประชุมที่เมืองปอตสดัมในปี 1945 ซึ่งนายกรัฐมนตรี เชอร์ชิล แห่งอังกฤษ, ประธานาธิบดี แฮร์รี เอส. ทรูแมน แห่งสหรัฐฯ และ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียต ได้ร่วมกันกำหนดอนาคตของเยอรมนีและโปแลนด์หลังสงคราม
แมรี โซเมส ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “ท่านผู้หญิง” และเคยทำงานร่วมกับหลายองค์กร รวมถึงเป็นผู้อำนวยการโรงละครแห่งชาติอังกฤษ (Royal National Theatre)