เอเอฟพี/ฟอร์บส์/ASTVผู้จัดการ - “อังเกลา แมร์เคิล” นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนี ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2014 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ส่วน “ยิ่งลักษณ์” หลุดโผไม่ติด 100 อันดับแรก
รายชื่อสตรีผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ในปีนี้ ประกอบด้วยผู้นำสตรีจากหลากหลายวงการ ทั้งด้านการเมือง ธุรกิจ สื่อสารมวลชน, บันเทิงและองค์กรไม่แสวงผลกำไร รวมถึงภาคการเงินซึ่งถูกนำมานับรวมเป็นครั้งแรกโดยพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สิน การปรากฏตัวผ่านสื่อ และระดับอิทธิพลในภาพรวม
ผลปรากฏว่า นางแมร์เคิลยังคงครองตำแหน่งนี้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยอันดับ 2 เป็นของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คนใหม่ ตามมาด้วยนางเมลินดา เกตส์ ประธานร่วมมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ซึ่งเธอร่วมจัดตั้งขึ้นกับสามีมหาเศรษฐี
อันดับ 4 เป็นของนางดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิล และนางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รั้งอันดับ 5 ส่วนอันดับ 6 ได้แก่นางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข1และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
“ขณะที่เราฉลองครบรอบ 10 ปีการจัดอันดับสตรีทรงอิทธิพล 100 คนแรกของโลก สตรีเหล่าจากทั่วโลกเหล่านี้ยังคงก่อผลกระทบที่เป็นสีสันและยั่งยืนบนร่องรอยของโลก รวมถึงในวิถีชีวิตทุกด้านของพวกเรา” มอยรา ฟอร์บส์ ประธานและผู้พิมพ์โฆษณาฟอร์บส์วูแมนระบุ
ทั้งนี้ในรอบ 10 ที่ผานมา นิตยสารฟอร์บส์ยกให้นางแมร์เคิลเป็นสุภาพสตรีทรงอิทธิพลของโลกถึง 9 ครั้ง
ในบรรดานักธุรกิจที่ติดอันดับต้นๆ รวมไปถึงนางแมรี บาร์รา ซีอีโอของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ที่รั้งอันดับ 7 นางชอรีล แซนด์เบิร์ก ซีอีโอ บริษัทเฟซบุ๊ก ซึ่งอยู่อันดับ 9 และเวอร์จิเนีย โรเมตตี ซีอีโอไอบีเอ็น ถูกจัดอยู่อันดับ 10
ฟอร์บส์บอกว่ามีผู้นำ 9 คนที่ติดอันดับท็อป 100 โดยประเทศต่างๆ เหล่านั้นมีจีดีพีรวมกันกว่า 11.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันก็มีซีอีโอติดอันดับเข้ามา 28 ราย ด้วยพวกเธอเหล่านี้ควบคุมรายได้รายปีของบริษัทต่างๆรวมกันถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่เคยติดอันดับ 31 ในปี 2013 และอันดับ 30 ในปี 2012 รวมถึงอันดับ 59 เมื่อปี 2011 ปรากฏว่าในปีนี้เธอไม่อยู่ในอันดับ 100 คนแรกแต่อย่างใด โดยเธอถูกศาลรัฐรรมนูญวินิจฉัยพ้นจากตำแหน่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการแทนเธอ ก็เพิ่งถูกรัฐประหารโค่นอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม