เอเจนซีส์/เอเอฟพี - นเรนทรา โมดี ว่าที่นายกรัฐมนตรีอินเดีย ตัวแทนจากพรรคชาตินิยมฮินดู ภาราติยะ ชนตะ (BJP) ที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปแบบแลนด์สไลด์ในวันศุกร์(16)ที่ผ่านมา ได้พบกับผู้นำระดับสูงของพรรคBJPเพื่อเริ่มกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล ในขณะที่สื่ออินเดียต่างคาดการณ์ถึงสิ่งที่โมดีต้องเผชิญในการเข้ารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศที่เขามีกำหนดต้องเข้าสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งภายในสัปดาห์นี้ และโมดีที่ได้ทวีตข้อความขอบคุณบรรดาผู้นำชาติต่างๆในโลก แต่เขากลับลืมที่เอ่ยถึงสหรัฐฯที่ได้คว่ำบาตรและปฎิเสธการออกวีซ่าในปี 2005
สื่ออังกฤษ เช่น ดิการ์เดียน รายงานในวันอาทิตย์(18)ว่า อินเดียกำลังอยู่ในระหว่างการฉลองถึงชัยชนะอย่างท่วมท้นของ นเรนทรา โมดี ในการเลือกตั้งทั่วไปล่าสุดที่สามารถโค่นพรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดีย (Indian National Congress) ที่นักวิเคราะห์อ้างว่า ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมืองของอินเดียที่เป็นพลังเศรษฐกิจเกิดใหม่
ในสื่อ Times Of India ซูนิล คิลนานี (Sunil Khilnani) นักเขียนและนักวิชาการได้ขนานนามการเลือกตั้งอินเดีย 2014 ว่า “การเคลื่อนไหวที่เป็นการปฎิวัติอย่างบริสุทธิ เป็นดาวประชาธิปไตย”
ซึ่งที่ผ่านมาที่ถึงแม้มีแต่พรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดียเพียงพรรคเดียวที่สามารถปกครองอินเดียได้ยาวนานถึง 18 ปีนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอักฤษเมื่อ 67 ปีมาแล้ว แต่ยังไม่เคยมีพรรคการเมืองพรรคใดที่สามารถปกครองอินเดียด้วยรัฐบาลพรรคเดี่ยว และด้วยความที่BJPมีพันธมิตรมากมาย ปีกขวาของพรรคBJPในขณะนี้สามารถกุมเก้าอี้ 340 ที่นั่งจากทั้งหมด 543 ที่นั่งในรัฐสภาอินเดียได้สำเร็จ ทิ้งให้พรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดียที่เป็นกลางซ้ายมีเก้าอี้ลดลงเหลือแค่ 44 ที่นั่ง ซึ่งทำสถิติตต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เคยมีพรรคใดได้ต่ำเท่านี้มาก่อนนับตั้งแต่ปี 1984
ในวันเสาร์(17) ประชาชนอินเดียหลายหมื่นคนที่เป็นผู้สนับสนุนของโมดีได้ออกมาต้อนรับโมดีในกรุงนิวเดลีหลังจากที่เขาเดินทางบินมาจากรัฐคุชราตที่โมดีได้ดำรงตำแหน่งเป็นมุขมนตรีมาอย่างยาวนานถึง 13ปี และเมื่อวานนี้(18) เช่นกัน บรรดาผู้สนับสนุนได้รอคอยอยู่รอบนอกของสำนักงานใหญ่พรรคBJP ในเมืองหลวงของอินเดียเพือรอต้อนรับผู้นำคนใหม่แดนภารตะ
“เขาเป็นคนที่จะทำให้อินเดียเดินหน้าอีกครั้ง และจะทำให้อินเดียยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิ” ซานเจย์ ธาคูร์ (Sanjay Thakur) นักธุรกิจรายย่อยวัย 41 ปีจากรัฐหรยาณาให้ความเห็น
ตลากหุ้นอินเดียดีดปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินรูปีสูงขึ้นตั้งแต่ผลการเลือกตั้งถูกประกาศออกมา
นับตั้งแต่นี้ไปชุดรัฐบาลใหม่ของโมดีที่กำลังจะเกิดเป็นรูปร่างขึ้นจะได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิดจากสื่อเพื่อประเมินถึงนโยบายของโมดี ชายวัย 63ปีที่เคยเป็นนักเคลื่อนไหวก่อนที่จะผันตัวมาสู่แวดวงการเมือง ที่มีหลายฝ่ายประเมินว่า โมดีจะเลือกพึ่งกลุ่มที่ได้พิสูจน์ถึงความจงรักภักดีอย่างแท้จริง โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า ตัวเลือกที่น่าจะเข้าตาโมดีที่สุดคือ กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังจัดทำนโยบายหาเสียงและการประชาสัมพันธ์ของเขา
นอกจากนี้พบว่า โมดีได้ผสมผสานความเป็นชาตินิยมเข้ากับคำสัญญาที่จะกอบกู้เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของอินเดียที่เหล่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอินเดียต่างตื่นตระหนกกับอัตราเจริญเติบโตเศรษฐกิจที่หยุดนิ่ง ตลาดงานที่หดตัวลง และการบริการของภาครัฐที่ไม่พอเพียง ในขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดียต้องผิดหวังกับข่าวฉาวคอรัปชัน การปรับราคาของราคาสินค้า และการเป็นอัมพาตทางการเมืองจากการขาดความเป็นผู้นำการบริหารของพรรค
อย่างไรก็ตาม โมดีถือเป็นขั้วนักการเมืองที่ชาวอินเดียนับถือศาสนาอิสลามซึ่งมีสัดส่วนราว 14% ของจำนวนประชากรทั้งหมดต่างกลัวโมดี ซึ่งว่าที่ผู้นำคนใหม่ของอินเดียเป็นสมาชิกกลุ่มนิยมฮินดูขวาจัด “สวายัมเสวก สังห์” ( Rashtriya Swayamsevak Sangh) หรือ RSS ภายใต้พรรคBJP จากสาเหตุที่โมดีได้ถูกกล่าวหาว่าเคยล้มเหลวในการยุติการจลาจล หรือแม้กระทั่งสงสัยว่ามีส่วนส่งเสริมให้เกิดขึ้น ที่ได้สังหารชาวอินเดียไปถึง 1,000 คน และพบว่าส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมถูกสังหารที่รัฐคุชราตได้ไม่นานหลังจากที่โมดีขึ้นดำรงตำแหน่งมุขมนตรี
ความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากมีการลอบวางเพลิงรถไฟขนนักแสวงบุญชาวฮินดู ที่พบว่ามีผู้เสียชีวิต 59 ราย ในขณะที่โมดีประกาศมาตลอดว่าไม่เคยทำอะไรผิด และการสืบสวนของศาลสูงอินเดียไม่พบหลักฐานมากพอในการเอาผิดโมดีได้ แต่กระนั้นก็ทำให้เขาต้องถูกสหรัฐฯปฎิเสธให้วีซ่าในการเข้าประเทศ
โมดี อดีตคนขายชาที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในระดับประเทศ ได้ให้คำมั่นกับชาวอินเดียหลังจากได้รับการยืนยันถึงชัยชนะอย่างล้นหลามว่า “ ผมต้องการให้ทุกคนร่วมกับผมเพื่อให้อินเดียก้าวไปข้างหน้า นี่เป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องให้ทุกคนร่วมกันบริหารประเทศนี้” โมดีกล่าว
ในวันอาทิตย์(18) แกนนำคนสำคัญของพรรคBJPพบปะกันที่สำนักงาน RSSที่เป็นเสมือนจิตวิญญาณของพรรค ที่ทางแกนนำระดับสูงของพรรคBJPปฎิเสธว่า ไม่เคยรับคำสั่งจากRSSในการต้องเลือกใครในการเข้าร่วมคณะรัฐบาลชุดใหม่นี้ และเปิดเผยต่อว่ากำลังอยู่ในระหว่างปรึกษาเรื่องนี้
“เราเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่ของ RSS และพบปะแกนนำระดับสูง นั้นเป็นกิจกรรมปกติที่กระทำ” Venkaiah Naidu ให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางมาถึง
มีที่ปรึกษาของโมดีจำนวนมากที่ยังมีความใกล้ชิดกับ RSS ที่เป็นฮินดูนิยมสุดโต่ง ซึ่งได้ระดมสมาชิกหลายแสนคนทั่วอินเดียเพื่อสนับสนุนผู้สมัครของพรรคBJP
และคาดว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเข้าสาบานตัวเพื่อรับตำแหน่งภายในสัปดาห์นี้
บีบีซีรายงานในวันนี้(19)ว่า ตามหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในอินเดียต่างคาดการณ์ถึงสิ่งที่โมดีต้องเผชิญในระหว่างการรอเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของเขาที่จะมาถึงในไม่กี่วันข้างหน้านี้
คำถามที่สำคัญที่สุดบนหน้าสื่อเกือบทุกฉบับต้องการทราบว่า โมดีจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจอินเดียได้หรือไม่ โดยพบว่านักวิเคราะห์เกือบทั้งหมดต่างลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจแรกของนายกรัฐมนตรีอินเดียนับตั้งแต่นาทีแรกที่เริ่มรับตำแหน่ง ที่รัฐบาลของมานโมฮัน ซิงห์ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
“โลกจะต้องทึ่งกับอินเดียหากโมดีสามารถทำตามอย่างที่เขาพูดไว้ได้สำเร็จ” รูเชอร์ ชาร์มา (Ruchir Sharmaป นักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจประจำ Economic Times กล่าว
ทั้งนี้โมดีจะต้องเผชิญกับความท้าทายในนโยบายประชานิยมที่พรรคองเกรสแห่งชาติอินเดียทิ้งไว้ เช่น โครงการสร้างงานพื้นฐานในชนบท และโครงการอาหารที่ทำให้ประชาชนอินเดียที่ยากจนนับล้านคนได้ประโยชน์ แต่ต้องแลกด้วยเม็ดเงินอุดหนุนเป็นจำนวนมาก
แต่ทว่าในด้านการต่างประเทศ นโยบายของโมดีกลับไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งนี้ ทาวี มาดาน (Tanvi Madan ) จากสถาบันบรู๊กกิงสได้ให้ความเห็นว่า “ภารกิจด้านต่างประเทศในระดับแรกสุดคือการสร้างความสัมพันธ์กับปากีสถาน ซึ่งซิงห์ที่กำลังจะลงจากอำนาจเป็นผู้เชื่อมั่นในการเจรจาสันติภาพ”
และพบว่าโมดีแสดงทัศนคติแข็งกร้าวต่อความสัมพันธ์กับปากีสถานในช่วงการหาเสียง แต่เมื่อโมดีสวมหมวกผู้นำอินเดีย เขาอาจต้องปรับตัวเพื่อที่จะสามารถดำเนินการเจรจาสันติภาพต่อไปได้
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันอย่างเปิดเผยว่าโมดีชื่นชมโมเดลเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่น จะทำให้เป็นที่น่าจับตาว่าโมดีจะสร้างสมดุลในการเป็นพันธมิตรกับทั้งสองชาติได้อย่างไรท่ามกลางศึกพิพาททางเขตแดนที่ระอุในทะเลจีนตะวันออก
นอกจากนี้สื่อ Hindustan Time กล่าวว่า “ผลการเลือกตั้งที่ชี้ขาดมาจากการที่ชาวอินเดียต้องการให้ผู้นำคนใหม่กอบกู้อินเดียจากปัญหาที่กำลังประสบอยู่” และพาดหัวข่าวตัวไม้ของ The Indian Express ที่เขียนโดยบก. เชการ์ กูปตา (Shekhar Gupta) ว่า “เวลาของคุณได้เริ่มต้นแล้ว” แสดงถึงผลการเลือกตั้งที่โมดีได้รับ และกูปตาเตือนว่า เหล่าชาวอินเดียที่ออกไปหย่อนบัตรเลือกโมดีนั้นไม่มีความอดทนรอได้นาน ไม่พร้อมที่จะอภัยหากผิดพลาด และจะไม่มีการต่อรองเพื่อเตือนถึงสิ่งที่โมดีได้เคยรับปากประชาชนอินเดียในระหว่างการหาเสียงของเขา
และคล้ายกับที่ลงในPratap Bhanu Mehta กล่าวว่า "ไม่ต้องสงสัยว่าอนาคตของอินเดียจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโมดีว่าจะทำอย่างไรกับชัยชนะที่เขาได้รับจากประชาชนอินเดีย"
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ อาชูทอช วาร์ชนีย์(Ashutosh Varshney ) ได้เตือนให้โมดีเว้นระยะห่างกับ RSS ที่สนับสนุนเขาก้าวขึ้นสู่อำนาจ และยังเป็นแหล่งสร้างปรัชญาพื้นฐานของพรรค BJP อีกด้วย ถ้าหากโมดียังต้องการรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนอินเดียในสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จ “ แต่ถ้าโมดีเปลี่ยน RSS ไม่สำเร็จ แน่นอนว่าจะต้องมีอุปสรรคครั้งใหญ่รอยู่เบื้องหน้า” วาร์ชนีย์กล่าวถึงการที่โมดีต้องครองใจชนส่วนน้อยในอินเดียให้ได้เพื่อทำให้รัฐบาลของเขาบริหารประเทศอย่างราบรื่น
และล่าสุดเอเอฟพีรายงานวันนี้(19)ว่าโมดีทวีตข้อความขอบคุณบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น รัสเซีย เนปาล และออสเตรเลีย แต่ลืมที่จะตอบจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
ในขณะที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา สตีเฟน ฮาร์เปอร์ ถูกเอ่ยถึง 2 ครั้ง และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้รับสารตอบกลับที่อบอุ่นในวันจันทร์(19) แต่โมดีกลับลืมเอ่ยถึงประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
วอชิงตันที่มีอำนาจเคียงข้างยุโรปได้คว่ำบาตรโมดี วัย 63 ปี เป็นเวลานับ 10 ปี และปฎิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯจากสาเหตุการจลาจลในปี 2002 ซึ่งแคร์รีได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับโมดีในวันศุกร์(16)หลังจากทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียที่แสดงให้เห็นว่าโมดีและพรรคBJPของเขาชนะการเลือกตั้งอย่างล้นหลาม
โดยแคร์รีทวีตข้อความว่า “จะร่วมแบ่งปันความรุ่งเรืองและเสถียรภาพสืบต่อไป” และนอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้โทรศัพท์เพื่อแสดงความยินดีกับโมดีพร้อมกับเชิญให้เดินทางไปเยือนทำเนียบขาว แต่ทว่ากลับยังไม่ได้ถูกเอ่ยถึง กระนั้นเขาได้รับถ้อยคำที่อบอุ่นจากซิงห์ที่กำลังจะลงจากอำนาจในวันเสาร์(17)แทน
พบว่าโมดีถูกปฎิเสธการให้วีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯในปี 2005 แต่อังกฤษที่ได้ร่วมคว่ำบาตรโมดีเช่นกัน เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้แสดงความยินดีกับโมดีในวันศุกร์(16) และได้รับการรับการตอบกลับจากโมดีในวันถัดไป(17) “หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและอินเดียจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”