เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - การนับคะแนนเลือกตั้งในอินเดียได้เปิดฉากขึ้นแล้วในวันศุกร์ (16) หลังการเลือกตั้งมาราธอนนานกว่า 5 สัปดาห์ของแดนภารตะได้เสร็จสิ้นลงท่ามกลางการคาดหมายว่า “นเรนทรา โมดี” ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งชูนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจแบบขนานใหญ่และให้คำมั่นในการสร้างงาน จะเป็นฝ่ายคว้าชัย
รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินเดียได้เริ่มกระบวนการนับคะแนนโหวตที่มีจำนวนราว 537 ล้านเสียงแล้ว โดยเป็นที่คาดกันว่าพรรคการเมืองฮินดูชาตินิยมที่เป็นฝ่ายค้านอย่างพรรค “ภารติยะ ชันนะตะ” หรือ “บีเจพี” ภายใต้การนำของนายนเรนทรา โมดี มุขมนตรีวัย 63 ปี แห่งรัฐคุชราต จะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะเหนือพรรคคองเกรสส์ที่เป็นรัฐบาล
สื่อในอินเดียระบุว่า ไฮไลท์สำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่สมรภูมิสำคัญใน “รัฐอุตตรประเทศ” ที่ถือกันว่าเป็นบ้านของประชากรราว 1 ใน 6 ของอินเดีย โดยหากพรรคบีเจพีสามารถปักธงยึดพื้นที่ในรัฐนี้ไว้ได้ก็มีโอกาสสูงยิ่งที่พรรคชาตินิยมฮินดูพรรคนี้และพันธมิตรจะเป็นฝ่ายคว้าชัยในการเลือกตั้งคราวนี้
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจ “เอ็กซิตโพล” ที่มีการเผยแพร่ในอินเดียระบุว่า พรรคบีเจพีและพันธมิตรจะสามารถคว้าที่นั่งในสภาล่างได้รวมกันมากกว่า 272 ที่นั่ง จากทั้งหมด 543 ที่นั่งที่มีการชิงชัย และการครองเสียงข้างมากในสภาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะ “เปิดทาง” ให้โมดีเร่งจัดตั้งรัฐบาล โดยสามารถเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้ารับตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ อย่างตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวถึงความกังวลของบรรดานักลงทุนว่า ผลการเลือกตั้งที่แท้จริง อาจมีความแตกต่างจากผลเอ็กซิตโพล ท่ามกลางการวิเคราะห์ของสื่อหลายสำนักว่า พรรคบีเจพีและพันธมิตรอาจได้ที่นั่งในสภาราว 250-260 ที่นั่งเท่านั้นซึ่งความล้มเหลวในการกุมเสียงข้างมากในสภา อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความพยายามในการเดินหน้ามาตรการปฏิรูปของรัฐบาลชุดใหม่ที่มีพรรคบีเจพีเป็นแกนนำ
นับตั้งแต่ที่ได้รับเลือกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วให้เป็นตัวแทนพรรคบีเจพีในการชิงเก้าอี้ผู้นำรัฐบาลอินเดีย นเรนทรา โมดีได้เดินหน้าหาเสียงอย่างทรหดอดทนในเกือบ 460 เมืองทั่วประเทศ คิดเป็นระยะทางในการเดินทางทั้งสิ้นกว่า 300,000 กิโลเมตร และถือเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแดนภารตะที่ถือว่ามีสีสันในการหาเสียงที่สุดในรอบหลายสิบปี แม้หลายฝ่ายจะกังวลถึงจุดยืนทางการเมืองของเขาจากเหตุจลาจลทางศาสนาที่รัฐคุชราตเมื่อปี 2002 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมมากกว่า 1,000 คน
อย่างไรก็ดี บรรดานักลงทุนต่างคาดหวังว่านโยบายของโมดีที่ได้ชื่อว่า “เป็นมิตรต่อการลงทุน” และยังเคยสร้างความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจมาแล้วในรัฐคุชราต จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่องของอินเดียในยุคของนายกรัฐมนตรีมันโมฮัน ซิงห์และพรรคคองเกรส
ทั้งนี้ โมดีให้คำมั่นว่า หากเขาชนะการเลือกตั้งเขาจะเร่งเดินหน้าขจัดอุปสรรคด้านการลงทุน และจะเร่งสร้างงานให้ได้อย่างน้อย “10 ล้านตำแหน่ง” ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึงการสร้างถนน เส้นทางรถไฟ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อปลุกเศรษฐกิจอินเดียที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของเอเชียให้ตื่นจากการหลับไหล
