เอเอฟพี/เอเจนซีส์/เอพี - กลุ่มประท้วงยูเครนตะวันออกได้ประกาศชัยชนะหลังปิดหีบลงประชามติไป 2 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) ให้โดเนตสค์ประกาศเอกราชจากยูเครนด้วยผลคะแนน 75% ในขณะเดียวกันเกิดเหตุกราดยิงที่คูหาลงประชามติในคราสโนอาร์เมย์สค์ (Krasnoarmeisk) ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ (11) เมื่อแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครนได้ปิดคูหาการลงประชามติ และยิงชาวเมืองที่รอลงประชามติ รวมถึงกลุ่มปกป้องตัวเองยูเครนตะวันออก มีพลเรือน 2 ราย เสียชีวิต และมีรายงานเปิดเผยทหารรับจ้างสหรัฐฯ 400 นายร่วมในปฏิบัติการทหารของยูเครนที่ภาคตะวันออก
มีผู้ออกมาลงประชามติทั้งหมด 89% เพื่อตัดสินอนาคตโดเนตสค์ ที่เป็นหนึ่งในสองของเมืองที่จัดให้มีการลงประชามติ คณะกรรมการเลือกตั้งโดเนตสค์ของกลุ่มผู้ประท้วงยูเครนตะวันออกเผย
และโรมัน ไรอากิน ประธานคณะกรรมการเลือกตั้งโดเนตสค์เผยต่อว่า มีราว 10% ลงคะแนนคัดค้านการตั้งเป็นรัฐใหม่ ในขณะอีก 75% สนับสนุนมติการประกาศเอกราชจากยูเครน “ดังนั้นสรุปได้ว่าเป็นผลการลงประชามติที่เป็นทางการ” ไรอากินกล่าวใน 2 ชั่วโมงหลังจากปิดหีบลงคะแนนเมื่อวานนี้ (11)
ยังไม่มีผลประกาศการลงคะแนนประชามติจากลูกานสค์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองที่จัดการลงประชามติเมื่อวานนี้ (11) แต่คาดกันว่าผลการลงประชามติจะใกล้เคียงกับของเมืองโดเนตสค์ หรืออาจจะมีคะแนนสนับสนุนมากกว่า โดยคณะกรรมการเลือกตั้งของลูกานสค์เผยว่ามีผู้มาลงคะแนนถึง 81%
ทั้ง 2 เมืองนี้มีประชากรร่วม 7 ล้านคนจากพลเรือนยูเครนที่มีทั้งหมดราว 46 ล้านคน ทั้งนี้ทางตะวันตกเกรงว่าการลงประชามติแยกประเทศที่อื้อฉาวจะยิ่งเร่งทำให้สถานการณ์วิกฤตยูเครนเลวร้ายลงและนำไปสู่ปากเหวของสงครามกลางเมือง ซึ่งวิกฤตยูเครนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชาติยุโรปตะวันตกและรัสเซียตกต่ำมากที่สุดนับตั้งแต่การสิ้นสุดยุคสงครามเย็น และไม่มีทางที่จะสามารถยืนยันผลการลงประชามติครั้งนี้เพราะกลุ่มปกป้องตัวเองยูเครนตะวันออกได้ห้ามไม่ให้สื่อตะวันตกเข้าร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนน และนอกจากนี้ยังพบว่า การลงคะแนนเสียงถูกจัดขึ้นโดยไม่มีผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลางเข้าร่วม อีกทั้งรายชื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่สมบูรณ์ และขาดมาตรการป้องกันการลงคะแนนซ้ำซ้อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ เดนิส พูชิลิน ผู้นำกลุ่มปกป้องตนเองในโดเนตสค์ได้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีอ้างว่า ผลการลงประชามติจะทำให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาชนเป็นครั้งแรก “นี่เป็นสิ่งที่เราได้ร่วมต่อสู้กันมา เพื่อให้คนส่วนใหญ่ตัดสินในอนาคตของโดเนตสค์ และเราได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว” พูชิลินกล่าว
ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (11) ก่อนเปิดคูหาลงคะแนนในคราสโนอาร์เมย์สค์ (Krasnoarmeisk) กลุ่มแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครนได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ และทำการปิดคูหาหลายแห่งในคราสโนอาร์เมย์สค์ที่อยู่ห่าง 20 ไมล์จากโดเนตสค์
กลุ่มแนชันแนลการ์ดได้เปิดฉากยิงกลุ่มปกป้องตนเองยูเครนตะวันออกและชาวบ้านที่รอลงคะแนนอยู่นอกที่ทำการเมือง ผลกราดยิงทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย
ช่างภาพผู้สื่อข่าวของเอพีที่อยู่ในเหตุการณ์รายงานว่า มีกลุ่มติดอาวุธถือปืนAK-47s พร้อมกับตะโกนไปยังฝูงชนที่รอการลงประชามติว่า “กลับบ้านไป ออกไปให้พ้นจากที่นี่” และไม่กี่นาทีหลังจากนั้นมีชายคนหนึ่งก้าวออกมาจากฝูงชนที่รอลงคะแนน โดยในมือของชายผู้นี้ถือปืน AK-47 เช่นกัน และเขาได้เดินไปเพื่อต้องการตกลงกับหัวหน้าของกลุ่มแนชันแนลการ์ดติดอาวุธ เป็นผลให้กลุ่มแนชันแนลการ์ดต้องยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าแต่ไม่ทำให้ชายที่ถือปืน AK-47 ถอยหนี แต่กลับยังยังเดินหน้าไปยังกลุ่มติดอาวุธ เป็นผลทำให้กลุ่มติดอาวุธใช้ปืน AK-47s ยิงไปที่ชายคนนั้น และในที่สุดชายคนนั้นก็ล้มลง และพบกระสุนปืนเจาะเข้าที่ขาของเขา
และผู้สื่อข่าว RT ของรัสเซียรายงานว่า มีกลุ่มแนชันแนลการ์ดที่เป็นทหารรับจ้างได้ปิดทางเข้าที่ทำการเมืองคราสโนอาร์เมย์สค์ และเปิดฉากยิงไปที่ผู้มีสิทธิลงคะแนนที่รออยู่ด้านนอก และผลจากการแทรกแซงของกลุ่มแนชันแนลการ์ดทำให้ต้องหยุดการลงประชามติลง มีโรงเรียนในพื้นที่ 4 แห่งถูกควบคุมโดยกลุ่มแนชันแนลการ์ดสวมหน้ากากติดอาวุธ ในขณะที่ประชาชนที่อยู่ภายในรอลงประชามติต้องถูกอพยพออกมา “กลุ่มคนพวกนั้นข่มขู่เรา และเปิดเผยว่าพวกเขาได้รับคำสั่งจากรัฐบาลยูเครน” เซอร์เก ชาวเมืองเปิดเผยกับ RT และก่อนหน้านั้นมีการลงคะแนนไปแล้ว 47,000 คน กลุ่มปกป้องตัวเองยูเครนเผย
และ RT ยังรายงานว่า มีทหารรับจ้าสหรัฐฯจากบริษัท อาเดมี (แบล็กวอเตอร์) ราว 400 นายอยู่ร่วมในปฎิบัติการทหารของรัฐบาลรัสเซียเพื่อจัดการกลุ่มป้องกันตัวเองยูเครนตะวันออกในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ อ้างจากหนังสือพิมพ์บิลด์ สื่อเยอรมัน
ทั้งนี้บิลด์ได้อ้างจากแหล่งข่าวกรองรายงานเมื่อวานนี้ (11) ว่า ทหารรับจ้างของบริษัทอคาเดมีของสหรัฐฯมีส่วนในปฎิบัติการทหารของรัฐบาลเคียฟเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงนิยมรัสเซียใกล้กับเมืองสโลฟยานสค์ ใกล้กับโดเนตสค์
ในวันที่ 29 เมษายน หน่วยข่าวกรองเยอรมัน (BND) รายงานรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเยอรมัน แองเกลา แมร์เคิล ว่า มีกลุ่มทหารรับจ้างสหรัฐฯในปฎิบัติการทหารของยูเครน โดยบิลด์อ้างรายงานจาก RIA Novosti สื่อรัสเซีย ยังไม่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สั่งการกลุ่มทหารรับจ้าง และใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ในเดือนมีนาคม สื่อได้รายงานว่า รัฐบาลรักษาการยูเครนพยายามที่จะจ้างทหารรับจ้างสหรัฐฯจำนวนร่วม 300 นาย และรายงานชิ้นนี้เกิดขึ้นก่อนที่เคียฟจะจัดตั้งกลุ่มปฎิบัติการทหารเพื่อปราบปรามผู้ประท้วงนิยมรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีรายงานว่าการลงประชามติเพื่อประกาศอิสรภาพจากยูเครนได้รับการประนามจากเคียฟ ด้าน ฟรองซัวส์ อองลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่อยู่ในระหว่างการเยือนอาเซอร์ไบจานให้ความเห็นถึงการลงประชามติว่า “เป็นโมฆะ” ทางด้าน แคทเธอรีน แอชตัน เจ้าหน้าที่นโบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้ออกแถลงการณ์ ประทับตราการลงประชามติในวันอาทิตย์ (11) “ผิดกฎหมาย” และย้ำว่าผลมติการลงคะแนนจะไม่ได้รับการยอมรับ และยังกล่าวว่า เป็นการทำให้ความพยายามที่จะลดวิกฤตยูเครนต้องสูญไป
ในขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ได้แถลงว่า ประชามติในภาคตะวันออกของยูเครนได้ละเมิดกฏหมายนานาชาติ และสหรัฐฯ ไม่ยอมรับผลประชามติที่ออกมา แต่สหรัฐฯมีทางเลือกน้อยมากที่จะจำกัดความก้าวร้าวของรัสเซียในวิกฤตยูเรน สมาชิกสภาคองเกรซสหรัฐฯกล่าวยอมรับในวันอาทิตย์ (11)
“ไม่มีทางเลือกที่แท้จริงในทางทหารแม้แต่น้อย” ชัค ฮาเกล รัฐบมนตรีกลาโหมสหรัฐฯกล่าว และยืนยันว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการด้านการทูตกับรัสเซียต่อไป และฮาเกลกล่าวกับ ABC สื่อสหรัฐฯ ต่อว่า “สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังรบกับรัสเซีย แต่รัสเซียยังคงเดินหน้าโดดเดี่ยวตัวเองเพื่อแลกกับการได้เปรียบในระยะสั้น บางทีพวกเขาอาจคิดว่าพวกเขากำลังจะชนะ แต่ประชาคมโลกไม่ไช่เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ”