รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-โอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ ประธานาธิบดีรักษาการของยูเครน ออกโรงขู่ในวันเสาร์ (10) โดยระบุ จะเกิด “หายนะใหญ่หลวง” หากพวกแบ่งแยกดินแดนที่มีจุดยืน “โปรรัสเซีย” ดึงดันเดินหน้าจัดการลงประชามติเพื่อแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครนในวันอาทิตย์ (11)
ผู้นำขัดตาทัพของยูเครนวัย 50 ปี ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทนที่วิคตอร์ ยานูโควิช อดีตผู้นำที่มีจุดยืนนิยมการผูกพันกับรัสเซียเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ ยังคงยืนยันว่า การจัดลงประชามติที่จะเกิดขึ้นในเขตโดเนตส์กและลูฮานส์กนั้นเป็นสิ่งที่มิชอบด้วยกฏหมาย พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซียและมีเชื้อสายรัสเซียยอมรับการจัดเจรจาสันติภาพแบบ “โต๊ะกลม” กับรัฐบาลยูเครน เพื่อปูทางไปสู่การให้อำนาจปกครองตนเองในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต
“ผมขอเตือนว่า จะเกิดหายนะครั้งใหญ่ หากมีการเดินหน้าจัดลงประชามติ ที่มีจุดประสงค์เพื่อแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน ผมขอวิงวอนประชาชนในพื้นที่ให้หันหน้ามาสู่การเจรจากับเคียฟแทนการตกเป็นเครื่องมือของพวกผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการหนุนหลังจากนอกประเทศ” โอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟกล่าว
“ผมขอย้ำว่า รัฐบาลเคียฟพร้อมเปิดทางให้ดินแดนทางตะวันออกมีอำนาจมากขึ้นในการปกครองตนเอง แต่เราจะไม่มีวันยอมรับการแยกตัวเป็นเอกราช จากผลของการลงประชามติที่มิชอบด้วยกฎหมายครั้งนี้” ผู้นำรักษาการของยูเครนกล่าวเสริม
ท่าทีล่าสุดของประธานาธิบดียูเครนมีขึ้นในขณะที่สถานการณ์ในหลายพื้นที่ทั่วภาคตะวันออกของประเทศ กำลังเลวร้ายลงถึงขีดสุด หลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มติดอาวุธชาตินิยมที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลเคียฟ กับกลุ่มผู้ประท้วงนิยมรัสเซียในหลายเมือง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึง ผู้เสียชีวิตที่คาดว่าอาจมีจำนวนสูงถึง 20 คนที่เมืองท่า “มาริอูโปล”
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า บรรดาผู้นำชาติในยุโรปตะวันตกซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีและประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส เตรียมพิจารณาออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย หากพบว่าสถานการณ์ทางภาคตะวันออกของยูเครนเลวร้ายลง จนส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งทั่วไปในยูเครนที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ดี รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมระบุว่า ขณะนี้ผู้นำในสหภาพยุโรป (อียู) กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี “บารัค โอบามา” ให้เร่งเพิ่มความเข้มข้นในการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลรัสเซียที่สหรัฐฯอ้างว่าเป็นตัวการสำคัญ ในการหนุนหลังการเคลื่อนไหวของพวกแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน
แหล่งข่าวทางการทูตยังเผยด้วยว่า ประธานาธิบดีโอบามารู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงที่บรรดาผู้นำในยุโรป “มีความลังเล” ต่อการดำเนินมาตรการปิดล้อมต่อรัสเซียตามการร้องขอของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางสหภาพยุโรปเพิ่งประกาศมาตรการอายัดทรัพย์สินและแบนวีซ่าของนักการเมืองรัสเซียและยูเครน รวม 48 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผนวก “ไครเมีย” เข้ากับรัสเซีย
แต่ทางอียูซึ่งต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตน ยังคงบ่ายเบี่ยงที่จะออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจโดยตรงต่อรัฐบาลมอสโก แม้จะถูกกดดันจากสหรัฐฯ เนื่องจากอียูหวั่นเกรงว่าการคว่ำบาตรรัสเซีย จะส่งผลให้เศรษฐกิจแบบตลาดเสรีในยุโรปตะวันตกต้องพลอยเป็น “อัมพาต” ไปด้วย หากปราศจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแดนหมีขาวมาหล่อเลี้ยง