xs
xsm
sm
md
lg

สื่อเยอรมันแฉ FBI และ CIA ช่วย “เคียฟ” จัดการวิกฤตยูเครนตะวันออก - อดีตทูตสหรัฐฯประจำรัสเซียเตือน “ปูตินเตรียมทำสงคราม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - สื่อเยอรมัน หนังสือพิมพ์บิลด์รายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน FBI และหน่วยงาน CIA ช่วยเหลือรัฐบาลรักษาการยูเครนในการจัดการกับความไม่สงบในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนที่มีวิกฤตผู้ประท้วงนิยมรัสเซียติดอาวุธเข้ายึดที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่น ด้านกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย วันนี้ (5) ได้ออกสมุดปกขาวรายงานละเมิดสิทธิมนุษยชนในยูเครนเสนอประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และในวันเสาร์ (3) ไทม์ได้รายงานว่า ไมเคิล แม็คฟอล (Michael McFaul) อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมอสโก เตือน ปูตินอาจกำลังเตรียมความพร้อมที่จะบุกยูเครนตะวันออกเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นบนคาบสมุทรไครเมีย

จากการรายงานของสื่อเยอรมัน หนังสือพิมพ์บิลด์พบว่า ทั้ง FBI และ CIAได้ให้คำแนะนำรัฐบาลรักษาการยูเครนรับมือกับอาชญากรรมองค์กร และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ

นอกจากนี้ หน่วยงานจากสหรัฐฯยังได้ช่วยสอบสวนอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และพยายามสืบหาเส้นทางการเงินที่ได้รับรายงานว่า ถูกนำออกนอกประเทศในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดียูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิช

โดยมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการ CIA ของสหรัฐฯ จอห์น เบรนแนน ได้เดินทางไปกรุงเคียฟช่วงกลางเดือนเมษายนล่าสุด และได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีรักษาการยูเครน อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุก และรองประธานาธิบดีคนที่ 1 วิตาลี ยาเรมา (Vitaly Yarema )เพื่อหารือถึงวิธีการส่งข้อมูลของสหรัฐฯมายังยูเครนให้ปลอดภัยมากที่สุด

ด้าน เจน ซากี โฆษากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ไม่มีสิ่งใดที่ต้องค้นหาในการเยือนยูเครนของเบรนแนน อีกทั้งผู้อำนวยการ CIA ไม่ได้เสนอความช่วยเหลือทางด้านเทคนิกให้กับรัฐบาลรักษาการยูเครนในการออกปฏิบัติการในยูเครน

อย่างไรก็ตาม ยานูโควิชได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการมาเยือนเคียฟของเบรนแนนว่า “เบรนแนนคว่ำบาตรการใช้อาวุธ แต่ยั่วยุให้เกิดฆาตกรรมหมู่”

การเปิดเผยของบิลด์มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้ตัดสินใจว่า สหรัฐฯจะต้องเข้าแทรกแซงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน

และในวันนี้ (5) สำนักข่าวอิตาร์ ทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกสมุดปกขาวรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นวงกว้างในยูเครนเพื่อนำเสนอต่อประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน

ทั้งนี้ สมุดปกขาวที่ได้จัดทำจากความร่วมมือของหลายหน่วยงานในรัสเซียเพื่อให้ข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยูเครนช่วงระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2013 ไปจนถึงวันที่ 30เดือนมีนาคม 2014

โดยโฆษกของกระทรวงกล่าวว่า “ข้อมูลในรายงานนั้นได้รวบรวมมาจากสื่อรัสเซีย ยูเครน และชาติตะวันตก และรวมไปถึงจากแถลงการณ์ของตัวแทนรัฐบาลรักษาการยูเครนและบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนต่างๆ รวมทั้งพยานในเหตุการณ์ และกลุ่มผู้สังเกตการณ์จากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของรัสเซีย” อ้างจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเครมลิน

“ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานระบุว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงเป็นวงกว้างในยูเครน” รายงานผ่านแถลงการณ์ของกระทรงต่างประเทศรัสเซีย

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศยังแถลงต่อว่า เป้าหมายการจัดทำสมุดปกขาวเพื่อต้องการให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงในยูเครน และรวมไปถึงการรายงานสถานการณ์ล่าสุดที่ได้พัฒนามาตามลำดับในวิกฤตที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้เกิดความกระจ่างโดยปราศจากอคติทางการเมือง และให้ผู้มีส่วนในวิกฤตต้องรับรู้ต่อสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป

ในขณะที่ ไมเคิล แม็คฟอล (Michael McFaul) อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมอสโกที่เพิ่งสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้กล่าวเตือนผ่านการให้สัมภาษณ์ของไทม์สที่ออกตีพิพม์ในวันเสาร์ (3) ถึงความน่าจะเป็นที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน พร้อมจะก่อสงครามกับยูเครนหลังจากเกิดความรุนแรงทางภาคตะวันออกของยูเครนที่เข้าใกล้สภาพสงครามกลางเมือง

“24 ชม. ล่าสุดถือเป็นการยกระดับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” แม็คฟอล กล่าวให้สัมภาษณ์ไทม์สในวันศุกร์ (2) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยูเครนได้เริ่มออกปฏิบัติการทางทหารยึดพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ประท้วงนิยมมอสโกทางภาคตะวันออก ซึ่งผลจากการปะทะทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ รวมไปถึงมีรายงานว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพยูเครนถูกยิงตกด้วยฝีมือกลุ่มปกป้องตัวเองทางตะวันออกของยูเครน และมีการเสียชีวิตหลายสิบคนที่เมืองโอเดสซาในวันเดียวกัน (2)

“นี่เป็นเรื่องจริง นี่เป็นสงครามจริง” แม็คฟอลกล่าวย้ำ

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงนิยมมอสโกที่ได้ร้องขอให้กองทัพรัสเซียยื่นมือเข้าแทรกแซง แม็คฟอลกล่าวให้ความเห็นว่า เขาพิจารณาถึงสมมติฐานที่ประเมินว่า ปูตินต้องการที่จะปลดล็อกความขัดแย้งจากระยะไกล โดยไม่ต้องการเคลื่อนกำลังพลข้ามเขตแดนเข้าสู่ยูเครน เพราะจะกลายเป็นการบังคับให้ชาติตะวันตกต้องมีมาตรการใหม่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการติดอาวุธให้กับกองทัพยูเครน

“มันจะเป็นผลเสียต่อรัสเซียมากหากคิดบุกยูเครน” แม็คฟอล กล่าว และเสริมต่อว่า “มันจะเป็นสู้รบอย่างแท้จริง หรืออาจจะเป็นการสู้รบแบบกองโจรที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายปี นี่จะไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำอย่างเล่นๆ แต่นี่เหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 12 ชม.ล่าสุดมานี้”

โดยก่อนหน้านั้นรัฐสภารัสเซียได้มีมติให้ปูตินสามารถเข้าแทรกแซงยูเครนได้ ถึงแม้ว่าในเดือนที่ผ่านมา เขาจะให้สัมภาษณ์ว่า “ผมหวังเป็นอย่างมากว่าผมจะไม่ต้องใช้มตินี้”

แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างวิตกว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครนขณะนี้จะเปิดทางให้ปูตินได้ใช้เป็นข้ออ้างที่แม้ว่าจะนำมาซึ่งการตอบโต้ที่แข็งกร้าวจากโลกตะวันตกก็ตาม

“มันจะเป็นการเดินเกมส์ที่โง่เขลามากสำหรับรัสเซีย” โอลกา โอลิเกอร์ (Olga Oliker) นักวิเคราะห์นโยบายความปลอดภัยนานาชาติและการป้องกันทางทหาร ประจำบริษัท แรนด์ คอร์ป. กล่าว และยังให้ความเห็นต่อไปว่า “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมองข้ามไป”

และฟอกส์นิวส์ได้รายงานว่า เมื่อวานนี้ (4) ยัตเซนยุกได้กล่าวโทษรัสเซียและกลุ่มผู้ประท้วงนิยมมอสโกกำลังร่วมกันทำให้เกิด “สงครามอย่างแท้จริง”

และเป็นวันเดียวกันกับที่ ส.ว.สหรัฐฯ ลินด์เซย์ เกรแฮม จากรัฐเซาท์ แคโรไลนา สายพรรครีพับลิกันได้ให้ความเห็นผ่านสถานี CBS ในรายการเช้าวันอาทิตย์ “Face the Nation” เห็นด้วยกับแม็คฟอลว่า “ผมเกรงว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในยูเครน” พร้อมกับคาดการณ์ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้นั้นไม่อาจจะเดินหน้าไปได้ เพราะปูตินประสบความสำเร็จในการแบ่งแยกยูเครนเรียบร้อยแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น