เอพี – เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ออกมายืนยันว่า หน่วยงาน CIA สหรัฐฯ จะไม่ใช้โครงการสร้างภูมิป้องกันโรคในการช่วยเหลือในปฎิบัติการหาข่าวของหน่วยงานอีกต่อไป ซึ่งทาง CIA เคยใช้โครงการฉีดวัคซีนในปฏิบัติการล่าสังหารอุซามะฮ์ บินลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ในปี 2011
ลิซา โมนาโค ปรึกษาต่อต้านก่อการร้ายประจำทำเนียบขาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้แจ้งไปยังคณบดีคณะสาธารณสุข 13 แห่งของมหาลัยที่เลื่องชื่อทั่วสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงาน CIA ตกลงที่จะไม่ใช้โครงการสร้างภูมิป้องกันโรคหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อประโยชน์ในปฎิบัติงานของหน่วยงาน และนอกจากนี้ทาง CIA ยังตกลงที่จะไม่ใช้ตัวอย่างDNAที่ได้จากการฉีดวัคซีนเพื่อประโยชน์ในการหาข่าว
ทั้งนี้ ชาคิล อาฟริดี (Shakil Afridi) แพทย์ชาวปากีสถานได้ออกให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอในเมืองอับบอตตาบัด (Abbottabad) ในส่วนหนึ่งของปฎิบัติการ CIA ที่ต้องการเก็บตัวอย่าง DNA ของเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านของอุซามะฮ์ บินลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์ ที่ภายหลังเขาถูกหน่วยซีลของสหรัฐฯบุกสังหารในปี 2011 ซึ่งอาฟริดีถูกศาลปากีสถานสั่งจำคุกถึง 33 ปี ในข้อหาทรยศชาติ แต่ภายหลังการลงโทษถูกยกเลิก และมีการเริ่มต้นใต่สวนใหม่อีกครั้ง
จากที่ผ่านมาคณบดีคณสาธารณสุขศาสตร์อยู่ในบรรดากลุ่มคนที่ได้ตำหนิ CIA อย่างเปิดเผยในการหาประโยชน์จากโครงการฉีดวัคซีนที่ได้รับการเปิดโปงจากสื่อ และปากีสถานได้จับกุมอาฟริดีในข้อหาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ CIA
ในจดหมายที่ลงวันที่ 16 พฤษภาคมของโมนาโกถึงเหล่าคณบดี เธออ้างว่าสหรัฐฯสนับสนุนการป้องกันโรคโปลิโอเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคโปลิโอตลอดไป และได้เสริมว่า ผู้อำนวยการหน่วยงาน CIA จอห์น เบรนแนน ได้ให้คำมั่นในวันที่ 13 สิหาคม 2013 ว่าทางหน่วยงานจะไม่ใช้โครงการสร้างภูมิป้องกันโรคในปฏิบัติการทางความมั่นคงอีกต่อไป รวมไปถึงจะไม่ใช้เจ้าหน้าที่การแพทย์ และจะไม่มีการใช้ตัวอย่าง DNA ที่เก็บรวบรวมได้
ทั้งนี้ โมนาโกได้ย้ำว่านโยบายใหม่ของ CIA ครอบคลุมทั้งในสหรัฐฯและนอกประเทศ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและเจ้าหน้าที่ต่างชาติ
นอกจากนี้ โฆษกของ CIA ดีน บอย์ด ได้เปิดเผยว่า “ผู้อำนวยการ CIA ตระหนักถึงปัญหาที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญแวดวงสาธารณสุขตั้งข้อสังเกต และนำไปสู่การตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลงนโยบายในท้ายที่สุด”
แต่ทว่าในจดหมายของโมนาโกและแถลงการณ์ของ CIA ไม่ได้กล่าวถึงการรับรู้ในการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ใช้โครงการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของปากีสถานเป็นฉากบังหน้าในปฏิบัติการสายลับ ซึ่งจดหมายถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกโดยยาฮูนิวส์
สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขปากีสถานประกาศให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่จะเดินทางออกนอกปากีสถานต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ การประกาศมีขึ้นหลังจากในต้นเดือนพฤษภาคมที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า การแพร่ระบาดของโปลิโอถือเป็นการฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก และยังชี้ว่า ปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่รวมถึง ซีเรีย และแคเมอรูน เป็นประเทศต้นทางแพร่โรคโปลิโอออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2013 เหล่านักสาธารณสุขในสหรัฐฯได้เตือนว่า การใช้โครงการฉีดวัคซีนบังหน้าปฏิบัติการจารกรรมจะทำให้ผู้ให้บริการสาธารณสุขตกเป็นเป้าหมายก่อการร้าย และจะทำให้เป็นการขัดขวางโครงการป้องกันแพร่ระบาดของโรคโปลิโออีกด้วย ซึ่งพบว่ามีผู้ให้บริการสาธารณสุขในปากีสถานจำนวนหนึ่งถูกสังหารหลังนั้นที่ CIA ได้ออกปฏิบัติการ