เอพี - ศูนยควบคุมและปองกันโรคของอเมริกา (CDC) ได้ยืนยันว่า มีชาวอเมริกันติดเชื้อไวรัส MERS เป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ซึ่งไวรัสสายพันธุ์ใหม่กลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ ไวรัส “MERS” นี้ระบาดมากในซาอุดีอาระเบีย มีผู้ติดเชื้อหลายร้อยคน
ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส MERS ล้มป่วยลงหลังจากเขาได้บินกลับเข้ามาในสหรัฐฯสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เขาได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ในซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ ยังพบว่า คนไข้รายนี้รับรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐอินเดียนา โดยเขามีอาการโดยรวมในขั้นดีด้วยมีอาการติดเชื้อโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ ไวรัส “MERS” CDC และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐอินเดียนาเผยในวันศุกร์ (2)
“เชื้อไวรัสไม่ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง และในกรณีนี้ เชื่อได้ว่ามีความเสี่ยงต่ำในการแพร่สู่สาธารณะ” ดร.แอน ชูแชต (Dr.Anne Schuchat) แถลงกับนักข่าวในรายงานสรุปของ CDC
และทาง CDC มีแผนที่จะติดตามผู้โดยสารเครื่องบินเที่ยวเดียวกับผู้ป่วยคนนี้ที่มีการติดต่ออย่างใกล้ชิดช่วงระหว่างเดินทาง แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีจำนวนมากเท่าใดที่ได้รับเชื้อไวรัสมรณะไปแล้วบ้าง
นอกจากนี้ ชูแชต ยังยอมรับว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดคนไข้รายนี้จึงได้รับการติดเชื้อ ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเป็นศูนย์กลางของการระบาดของโรคที่เริ่มเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายระหว่างบรรดาผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่ศูนย์การแพทย์ 4 แห่งของประเทศในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แหล่งข่าวสหรัฐฯไม่ได้เปิดเผยว่า คนไข้ชาวอเมริกันรายนี้ทำหน้าที่อะไรในซาอุดีอารคะเบีย หรือว่าเขาเป็นแพทย์รักษาผู้ป่วยโรคไวรัส MERS ที่นั่น
จากตัวเลขทั้งหมดมีผู้ป่วยติดเชื้อด้วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางราว 400 คน และมีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 100 คน ซึ่งคนทั้งหมดนั้นอยู่ในตะวันออกกลางหรือเดินทางไปยังที่นั่น
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เป็นเรื่องของเวลาในการที่ไวรัส MERS ภายหลังจึงปรากฏในอเมริกา เหมือนกับที่เกิดในยุโรป หรือเอเชีย “เป็นเพราะทั้งโลกมีการเชื่อมกัน เป็นไปไม่ได้ที่โรคซึ่งระบาดอยู่ที่แห่งหนึ่งจะไม่สามารถเกิดระบาดได้ในอีกที่หนึ่ง” ดร.ดับเบิลยู เอียน ลิปกิน (Dr.W.Ian Lipkin) ผู้เชี่ยวชาญเชื้อไวรัส MERS ประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าว
ทั้งนี้ในวันศุกร์ (2) CDC และสาธารณสุขรัฐอินเดียนาได้เปิดเผยรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัส MERS เคสแรกในสหรัฐฯ โดยพบว่า ในวันที่ 24 เมษายน ผู้ป่วยชายชาวอเมริกันนี้ได้บินจากกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย มายังสหรัฐฯ โดยมีจุดพักที่กรุงลอนดอน และหลังจากนั้นเขาลงเครื่องที่เมืองชิคาโก และต่อรถบัสไปยังเมืองทีอยู่ในแถบรัฐอินเดียนา ทั้งนี้พบว่าชายผู้นี้เริ่มมีอาการป่วยในวันอาทิตย์ (27) CDC กล่าว
และ CDC แถลงต่อว่า ผู้ป่วยได้เดินทางไปห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลชุมชนในมุนสเตอร์ในวันถัดไป (28) ด้วยอาการมีไข้ ไอ และมีอาการหายใจถี่ ทางโรงพยาบาลได้รับตัวผู้ป่วยคนนี้ไว้และตรวจหาเชื้อไวรัส MERS เพราะเขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากซาอุดีอาระเบีย ทางโรงพยาบาลเปิดเผยว่าอาการโดยรวมของผู้ป่วยผู้นี้อยู่ในสภาพดี
และเพื่อเป็นมาตรการเตรียมพร้อม ทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบครอบครัวของผู้ป่วยชายนี้ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้ให้การรักษาผู้ป่วยคนนี้ว่ามีการติดเชื้อด้วยหรือไม่
ล่าสุด CDC ยังไม่มีการออกประกาศเตือนการเดินทางไปยังประเทศที่เกิดโรคไวรัส MERS ระบาด แต่อย่างไรก็ตาม หากมีใครที่ต้องสงสัยว่าล้มป่วยจากอาการมีไข้ ไอ และหายใจถี่ ภายใน 2 สัปดาห์หลังการเดินทางท่องเที่ยวในคาบสมุทรอาระเบีย บุคคลนั้นควรพบแพทย์พร้อมกับเปิดเผยถึงประวัติการเดินทางให้แพทย์ได้รับทราบ