เอเจนซีส์ - จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯที่อยู่ในระหว่างจากกลับจากทริปตะวันออกกลางได้เปลี่ยนจุดหมายกระทันหันหลังจากแวะหยุดเติมน้ำมันที่ไอร์แลนด์ โดยแคร์รีได้เดินทางถึงกรุงปารีส ฝรั่งเศศ เพื่อพบปะกับ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย วันนี้(30) ในการหาทางออกทางการทูตในวิกฤตยูเครน หลังจากที่คนทั้งคู่ได้ติดต่อกันระหว่างที่แครีเดินทางออกจากกรุงริยาร์ด ซาอุดิอาระเบีย มุ่งหน้ากลับสหรัฐฯ
ในวันศุกร์(28) หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ต่อสายพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัสฯ บารัค โอบามา เป็นเวลาเกือบชั่วโมงทางโทรศัพท์ และทั้งสองฝ่ายสัญญาที่จะให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของแต่ละฝ่ายพบปะพูดจากันเพื่อแก้วิกฤตยูเครน ซึ่งเป็นไปตามแผนการที่รัสเซียหวังจะใช้การพบปะครั้งนี้เพื่อสยบความกลัวของชาติตะวันตกที่เกรงว่า รัสเซียจะลุกคืบเข้าไปยังส่วนอื่นของยูเครน
โดยในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แคร์รีเคยเสนอแผนการปรับลดความตรึงเครียดสถานการณ์ในยูเครน ที่มีรายละเอียดรวมถึงการส่งผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้าร่วม ไปจนถึงการถอนกองกำลังรัสเซียออกจากชายแดนด้านตะวันออกของยูเครน นอกเหนือจากการเจรจาโดยตรงระหว่างเคียฟและมอสโก
ในขณะเดียวกัน เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รัสเซียที่มีรัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของเมื่อวานนี้(29)ว่า “รัสเซียไม่มีความต้องการที่จะลุกล้ำเขตแดนยูเครน และอย่างน้อยในขณะนี้ รัสเซียต้องการที่จะแก้ปัญหาข้อขัดแย้งในวิกฤตที่เกิดขึ้น” และลารอฟยังกล่าวต่อว่า “รัสเซียพร้อมที่จะปกป้องสิทธิของประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย และต้องการให้มีการปฎิรูปทางการเมืองครั้งใหญ่ในยูเครน โดยรัสเซียไม่เห็นหนทางอื่นนอกจากยูเครนต้องเปลี่ยนเป็น “สหพันธรัฐ” เพื่อเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นทางภาคตะวันออกและใต้ของยูเครนที่มีชาวยูเครนพูดภาษารัสเซียเป็นพลมืองส่วนใหญ่มีอำนาจมากขึ้นในการปกครองตนเอง” และลารอฟยังย้ำว่า หากยูเครนเข้าร่วมองค์การนาโต จะถือเป็นเสมือนเส้นแดงในสายตาของรัสเซีย”
ที่ผ่านมา ยูเครนได้มีการเพิ่มความร่วมมือทางการทหารกับสหรัฐฯ และองค์การนาโตเพื่อตอบโต้การที่รัสเซียได้ผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ในขณะที่เคลมลินได้ระดมพลราว 100,000 นาย ใกล้บริเวณพรมแดนด้านตะวันออกของยูเครน อ้างจากเคียฟ ในขณะที่สหรัฐฯได้ประมาณตัวเลขกองกำลังอยู่ที่ 40,000 นาย