เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาล “สาธารณรัฐคองโก” ประกาศเนรเทศพลเมืองมากกว่า 50,000 คนของประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก” ออกนอกประเทศตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผล “เข้าเมืองผิดกฎหมาย-พัวพันอาชญากรรม” ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง “สองคองโก” อยู่ในภาวะเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี
รายงานข่าวซึ่งอ้างเจ้าหน้าที่ในกรุงบราซซาวิลล์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐคองโก อดีตดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสระบุว่า รัฐบาลของตนจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มงวดดังกล่าวด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง หลังพบว่ามีผู้อพยพที่มาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ประเทศเพื่อนบ้านของตนที่เคยตกเป็นอาณานิคมของเบลเยียม เข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก และมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมนานาชนิด
ด้าน อองเดร คิมบูตา ยองโก ผู้ว่าราชการกรุงคินชาซา เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ออกมาเปิดเผยว่านับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา มีพลเมืองของประเทศตนจำนวน 52,226 คน ถูกเนรเทศออกมาจากสาธารณรัฐคองโกที่ตั้งอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของ “แม่น้ำคองโก”
ขณะที่ ทุนดา ยา คาซองเด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ออกมาแถลงที่กรุงคินชาซา แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า พลเมืองของตนได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และยังถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของสาธารณรัฐคองโกระหว่างขั้นตอนเนรเทศ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลสาธารณรัฐคองโกยึดมั่นการใช้ช่องทางทางการทูตในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่าง “สองคองโก”
ทั้งนี้ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประชาชนจาก “สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก” ที่เคยตกอยู่ใต้การปกครองอันกดขี่ทารุณของเบลเยียม ได้หลบหนีความยากจนและชีวิตอันโหดร้ายของตนเข้าไปใน “สาธารณรัฐคองโก” อดีตดินแดนในปกครองของฝรั่งเศสที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่า และมีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่า ซึ่งเกือบทั้งหมดของผู้อพยพข้ามแม่น้ำคองโกเหล่านี้ เป็นผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย