เอเอฟพี – ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก 30% เมื่อวานนี้ (29) หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มไปแล้ว 10% เมื่อเดือนมกราคม เพื่อให้ประชาชนมีรายได้สมดุลกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงถึง 59.3% สูงสุดในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา
“ผมตัดสินใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในประเทศและเงินบำนาญอีก 30% เพื่อให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้” มาดูโร ซึ่งเป็นผู้นำหัวซ้ายจัด ระบุในถ้อยแถลงจากทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า จะมีการปรับขึ้นค่าแรงอีกครั้งภายในปีนี้
“ผมหวังว่าภายในสิ้นปีนี้ เราจะผ่านพ้นวิกฤตเงินเฟ้อกันไปได้” เขากล่าวย้ำ
ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลกำหนดขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำจะขยับมาอยู่ที่ 657 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน แต่หากคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ในตลาดมืด แรงงานเหล่านี้จะได้เงินเดือนแค่ราวๆ 67 ดอลลาร์สหรัฐฯ
มีผู้ถูกสังหารไปแล้ว 41 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 700 คน ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเวเนซุเอลาโดยกลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่เหลืออดกับปัญหาอาชญากรรม, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจซบเซา และการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
มาดูโร ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาต่อจากอดีตผู้นำหัวซ้ายคนดัง อูโก ชาเบซ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างกล่าวโทษรัฐบาลที่ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินค้าอย่างเข้มงวดมานานนับสิบปี รวมไปถึงการพึ่งพาสินค้านำเข้าและภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยบั่นทอนการลงทุนในประเทศซึ่งมีแหล่งน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก