xs
xsm
sm
md
lg

รบ.มาดูโรจวกสหรัฐฯ “แทรกแซง-ทำลายประชาธิปไตย” ในเวเนซุเอลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา
เอเอฟพี - รัฐบาลเวเนซุเอลากล่าวหาสหรัฐฯว่า “ส่งเสริมและพยายามสร้างความชอบธรรมต่อการทำลายระบอบประชาธิปไตย” ในเวเนซุเอลา โดยหนุนหลังขบวนการนักศึกษาซึ่งออกมาเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร

ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายซึ่งยังไม่มีแนวโน้มจะจบลงง่ายๆ ลีโอโปลโด โลเปซ แกนนำผู้ประท้วง ได้เรียกร้องวานนี้ (16 ก.พ.) ให้ประชาชนออกมาเดินขบวนครั้งใหญ่ไปยังกระทรวงยุติธรรมในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า

ประเทศละตินอเมริกาซึ่งรุ่มรวยทรัพยากรน้ำมันแห่งนี้กำลังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อซึ่งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งข้าวของที่จำเป็นก็ขาดตลาด ทำให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนออกมาชุมนุมประท้วง โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาซึ่งเกรงว่าพวกเขาเรียนจบไปจะไม่มีงานทำ

เหตุจลาจลทางการเมืองครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดที่เวเนซุเอลาต้องเผชิญ นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีอูโก ชาเบซ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว

มาดูโร ซึ่งกล่าวหาว่าสหรัฐฯ “แทรกแซง” เพื่อสร้างความปั่นป่วนในเวเนซุเอลา ระบุว่าตนได้สั่งขับเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ 3 คนออกจากประเทศแล้ว โดยไม่ระบุชื่อบุคคลทั้งสาม

“กลับไปวางแผนทำรัฐประหารที่วอชิงตันโน่น!” มาดูโร แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด พร้อมอ้างว่าทูตสหรัฐฯ ทั้ง 3 คนเคยไปพบกับกลุ่มนักศึกษาที่ร่วมประท้วงต่อต้านรัฐบาล

เมื่อวันเสาร์ (15) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วง “สถานการณ์รุนแรงอย่างไร้สติ” ที่กำลังขึ้นในเวเนซุเอลา พร้อมวิจารณ์รัฐบาล มาดูโร ที่ใช้กำลังจับกุมผู้ประท้วงจำนวนมาก โดยเฉพาะการออกหมายจับแกนนำอย่าง ลีโอโปลโด โลเปซ

“การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนในการแสดงออกซึ่งความทุกข์ของพวกเขาอย่างสันติ” ถ้อยแถลงของเคร์รีระบุ

กระทรวงการต่างประเทศเวเนซุเอลาก็แถลงตอบโต้วานนี้ โดยระบุว่ารัฐบาล “ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อคำพูดของจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าวอชิงตันพยายามใช้อิทธิพลอย่างไม่เหมาะสมแทรกแซงกิจการภายในของการากัส”

ระหว่างการก่อรัฐประหารที่ล้มเหลวในเวเนซุเอลาเมื่อปี 2002 สหรัฐฯได้ประกาศชัดเจนว่าสนับสนุน เปโดร คาร์โมนา ซึ่งเวลานั้นถูกประกาศให้เป็นประธานาธิบดีรักษาการ ก่อนที่ประธานาธิบดีอูโก ชาเบซ จะยึดอำนาจคืนมาได้อีกครั้งภายในเวลาเพียง 47 ชั่วโมง

การที่สหรัฐฯ ไม่เข้าข้างชาเบซ ซึ่งเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ความน่าเชื่อถือของวอชิงตันลดลงอย่างมากในสายตาของกลุ่มประเทศละตินอเมริกา




กำลังโหลดความคิดเห็น