เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของออสเตรเลียกล่าวเตือนวันนี้ (29 เม.ย.) ว่าแดนจิงโจ้กำลังเผชิญกับวิกฤต “ยาไอซ์” แพร่กระจาย พร้อมทั้งประกาศว่า การจับกุมและยึดสิ่งเสพติดผิดกฎหมายประเภทนี้ในปีที่แล้ว ได้เพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
คณะกรรมาธิการปราบปรามอาชญากรรมออสเตรเลีย (เอซีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลระบุในรายงานว่า สถานการณ์ปัจจุบันอยู่ในขั้น “อันตรายร้ายแรง” โดยมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติเป็นตัวการใหญ่
พอล เยฟโตวิก รักษาการผู้บริหารสูงสุดเอซีซี กล่าวว่า “ในช่วงที่มีการรายงานนี้ ออสเตรเลียสามารถยึดสิ่งเสพติดผิดกฎหมายแทบทุกประเภท และจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ หรือมากที่สุดในรอบหนึ่งทศวรรษ”
“สิ่งเสพติดผิดกฎหมายในออสเตรเลีย และผลกำไรที่ได้ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่พัวพันกับการทำผิดกฎหมายครั้งใหญ่ และการคอร์รัปชันข้ามแดน”
ในระหว่างปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2013 ทางการออสซี่สามารถรวบตัวผู้ต้องหาได้ 101,749 คน และสามารถยึดสิ่งเสพติดผิดกฎหมายได้ 86,918 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 66 เปอร์เซ็นต์ภายใน 1 ทศวรรษ
ก่อนหน้านี้ ตำรวจกล่าวว่า การที่เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า และเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตหมายความว่า แก๊งลักลอบค้ายาเสพติดกำลังขนยาเข้ามาในออสเตรเลีย
จูดี ลินด์ เจ้าหน้าที่ของเอซีซีกล่าวว่า “ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ออสเตรเลียพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อยาเสพติดในราคางาม บางทีอาจเป็นเพราะว่าประเทศนี้ซื้อไหว”
ขณะที่กัญชายังคงครอบงำตลาดออสเตรเลีย ความนิยมในโคเคน และยากระตุ้นก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ยาไอซ์ (คริสตัลเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) ยังสามารถหาซื้อได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งตอนนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองลงมาจากกัญชาเท่านั้น โดยที่อัตราการยึดยาเสพติดชนิดนี้เพิ่มขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์ภายในเวลา 1 ปี
เยฟโตวิก กล่าวว่า ประเด็นปัญหานี้เป็น “ความกังวลระดับชาติ” เนื่องจากยาเสพติดชนิดนี้มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการทำร้ายร่างกาย โดยผู้ที่เสพจะถูกกระตุ้นให้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง จนสามารถเปรียบเทียบได้กับวิกฤต “แคร็ก” (โคเคนในรูปผลึกก้อน) ที่ครอบงำตลาดสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990
