เอเอฟพี - จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวต่อคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสจากนานาชาติว่า อิสราเอลเสี่ยงที่จะกลายเป็น “รัฐเหยียดเชื้อชาติ” (apartheid state) หากกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์ไม่สำเร็จโดยเร็ว
เว็บไซต์ข่าว เดอะ เดลี บีสต์ ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานว่า เคร์รี เลือกใช้คำที่มีความหมายรุนแรงนี้ทำนายอนาคตของอิสราเอล ระหว่างการประชุมแบบปิดกับคณะกรรมาธิการไตรภาคี (Trilateral Commission) เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(25)
เดลี บีสต์ อ้างว่า ได้รับบันทึกถ้อยแถลงของเคร์รี มาจากแหล่งข่าวที่เข้าร่วมการประชุมในวันนั้น
“หลักการทางออกแบบ 2 รัฐ (two-state solution) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาได้จริง เพราะหากยังเป็นรัฐเดี่ยว อิสราเอลก็จะมีสภาพไม่ต่างจากรัฐเหยียดเชื้อชาติซึ่งคนบางกลุ่มต้องกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง หรือไม่ก็ไม่อาจคงความเป็นรัฐยิวไว้ได้อีกต่อไป” เดลี บีสต์ อ้างคำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
“หากคุณมีกรอบความคิดนี้อยู่ในใจ ความจริงซึ่งเป็นพื้นฐาน คุณย่อมเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องผลักดันทางออกแบบ 2 รัฐให้สำเร็จ”
สื่อออนไลน์สำนักนี้อ้างว่า การประชุมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่อาวุโสและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม ได้แก่ สหรัฐฯ, รัสเซีย, ญี่ปุ่น และประเทศแถบยุโรปตะวันตก
คำว่า “เหยียดเชื้อชาติ” (apartheid) ถูกใช้เพื่อสื่อถึงการแบ่งแยกชนชั้นโดยอิงเชื้อชาติและสีผิวเป็นหลักในแอฟริกาใต้ เมื่อช่วงปี 1948-1994
แม้ เคร์รี และประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะพยายามหลีกเลี่ยงคำนี้มาโดยตลอดเมื่อเอ่ยถึงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แต่อดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ แห่งสหรัฐฯ ก็เคยตั้งชื่อหนังสือที่เขาเขียนเมื่อปี 2006 ว่า “Palestine: Peace not Apartheid”
เคร์รีกล่าวย้ำด้วยว่า กระบวนการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังไม่ล้มเหลว
“ที่สื่อต่างๆ เอาไปรายงานว่ากระบวนการสันติภาพล้มเหลวเสียแล้วนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดไปเอง และแม้ว่าเราจะอยู่ในช่วงของการเผชิญหน้าและแตกแยกแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะประกาศว่ามันล้มเหลว”