รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯยอมรับในวันพุธ (26 ก.พ.) ยังคงมีความคาดหวังว่าอิสราเอลและปาเลสไตน์จะยังสามารถเห็นชอบต่อเค้าโครงเบื้องต้นของข้อตกลงสันติภาพระหว่างกันได้ภายใน 29 เมษายนนี้ แม้อาจต้องใช้เวลาอีก 9 เดือนหรือนานกว่านั้น กว่าที่ตัวข้อตกลงขั้นสุดท้ายจะบรรลุผล
ก่อนหน้านี้ เมื่อ 29 กรกฎาคมปีที่แล้ว เคร์รีเป็นตัวกลางนำทั้งสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจา หลังจากที่กระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางมีอันต้องหยุดชะงักมานานกว่า 3 ปี โดยในเวลานั้น เคร์รีระบุมีเป้าหมายผลักดันให้เกิดข้อตกลงสันติภาพภายในระยะเวลา 9 เดือน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ยอมรับว่า ในขณะนี้เป้าหมายที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด ก่อนครบกำหนด 9 เดือนในวันที่ 29 เมษายนนี้ คือ การตั้งความหวังว่า อิสราเอล และปาเลสไตน์จะสามารถเห็นชอบต่อ “กรอบการเจรจา” ที่เป็นเพียง “บันไดขั้นแรก” เท่านั้น ที่จะนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพที่สมบูรณ์ในอนาคต
“เมื่อถึงตอนนี้ ผมไม่คิดว่าจะยังมีใครกลัวว่า เราอาจต้องใช้เวลาอีก 9 เดือนหรือนานกว่านั้น สำหรับข้อตกลงสันติภาพตะวันออกกลาง ผมเชื่อว่าเงื่อนไขเรื่องเวลา ไม่สมควรถูกนำมาใช้กับการเจรจาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อีกต่อไป ขอเพียงทั้งสองฝ่ายยอมเปิดอกเจรจากันด้วยความจริงใจได้ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับ
ทั้งนี้ ท่าทีล่าสุดของจอห์น เคร์รี ถูกบรรดานักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นการส่งสัญญาณถึงการ “ยกธงขาว” ของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ต่อการผลักดันการเจรจาสันติภาพตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า ความพยายามของเขาประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากทางการอิสราเอลและปาเลสไตน์ยอมร่วมมือกันเฉพาะในประเด็นเล็กน้อยซึ่งแทบไม่มีความสำคัญอย่างการปล่อยตัวนักโทษ แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วในหลายประเด็นโดยเฉพาะประเด็นการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในปาเลสไตน์ การถอนทหารอิสราเอลจากพื้นที่ยึดครองในปาเลสไตน์ รวมถึงสถานะของนครเยรูซาเล็มในอนาคต