รอยเตอร์ - มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เมื่อวันพฤหัสบดี (24) เปิดเผยว่ามีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในปีงบการเงิน 2013 สิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 123,400 ล้านเยน (ราว 39,000 ล้านบาท) แม้ยอดขายในไทยจะดำดิ่ง แต่ก็ได้ตัวเลขการจำหน่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกมาชดเชย
เวลานี้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นแห่งนี้ คาดหมายว่าจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานครึ่งปีแรก 135,000 ล้านเยน (ราว 42,000 ล้านบาท) ในปีงบการเงินปี 2014 จนถึงเดือนมีนาคม 2015 ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 2 ปีก่อนหน้านี้
ผลดำเนินการที่แข็งแกร่งมีขึ้นแม้ว่ายอดจำหน่ายในประเทศไทยของมิตซูบิชิ ในปีงบการเงินปีก่อน ดำดิ่งถึงร้อยละ 40 เหลือเพียง 85,000 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์ของไทยทรุดลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่สิ้นสุดนโยบายอุดหนุนในปี 2012 เช่นเดียวกับวิกฤตทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนาน
อย่างไรก็ตาม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คาดหมายว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในไทยจะดีขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังของปีงบการเงินปีนี้ ด้วยมีการเปิดตัวรถกระบะขายดีที่สุดของบริษัท “ไทรทัน” โฉมใหม่ ที่ทางมิตซูบิชิวางเป้าหมายว่ามันจะช่วยปรับยอดขายตลอดทั้งปีให้สูงขึ้นอีกร้อยละ 20 เป็น 101,500 คัน
“เราคาดหมายว่าธุรกิจของเราในอาเซียนจะราบรื่นในปีงบการเงินปีนี้ และภูมิภาคนี้จะยังเป็นเสาหลักของผลกำไรของเรา” โอซามุ มาสุโกะ ประธานของมิตซูบิชิแถลงกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (24)
ตลาดอาเซียนคิดเป็น 1 ใน 4 ของยอดขายทั่วโลกของมิตซูบิชิ และผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้วางแผนเพิ่มยอดขายในช่วง 3 ปีข้างหน้าจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2017 ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 44 จากการเพิ่มกำลังผลิตและเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
ยกเว้นแค่ในไทย มิตซูบิชิ มียอดจำหน่ายที่เติบโตขึ้นในตลาดอื่นๆ อย่างเช่น ในอินโดนีเซีย ที่ขายรถยนต์ได้ถึง 93,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ส่วนยุโรป ยอดขายอยู่ที่ 202,000 คัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 จากความนิยมต่อ เอาท์แลนเดอร์ เอสยูวี?ปลั๊ก-อิน?ไฮบริด
ยอดจำหน่ายทั่วโลกที่ดีขึ้นของ มิตซูบิชิ ในช่วงหลายไตรมาสผ่านมา ได้อานิสงส์จากเงินเยนที่อ่อนค่า ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้าที่ผลิตโดยญี่ปุ่นมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อในต่างแดน และยังเพิ่มมูลค่ารายได้ในต่างแดนเมื่อแลกเป็นสกุลเงินเย็น
