“พรีบิลท์” เผยปี 57 ปีแห่งการพักฐานรายได้ หลังโตก้าวกระโดดติดต่อกัน 3 ปี เกือบ300% แจงนโยบายเดินหน้าผลักดันอัตราการเติบโตกำไร พร้อมตั้งเป้าทั้งปีรายได้รวม 6,800 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 13% แจงปี 56 กำไรสุทธิ 260.8 ล้านบาท โต 34% กำไรต่อหุ้น 0.94 บาท ประกาศปันผล 40 สตางค์ต่อหุ้น
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการพรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 57 จะเป็นปีของการปรับฐานรายได้ของกลุ่ม พรีบิลท์ เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผลดำเนินการของกลุ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 55 กลุ่มพรีบิลท์ มีอัตราการเติบโตของรายได้กว่า 100% และในปี 56 ที่ผ่านมา ก็มีอัตราการเติบโตเกือบ 50% ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจึงต้องพักฐานรายได้ และหันมาผลักดันการขยายตัวของอัตรากำไรของบริษัทให้มีศักยภาพมากขึ้น
โดยในปี 57 นี้บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 6,800 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 13% โดยในนี้การขยายตัวจะมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่างานคงค้างในมือ (แบ็กล็อก) 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 2 ปีจากนี้
ส่วนรายได้ที่มาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงในปีนี้เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ในปี 56 และจะต้องเว้นช่วงระยะหนึ่งเพื่อรอการก่อสร้างโครงการ เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ซึ่งพร้อมลงมือก่อสร้างภายในเดือนเมษายนปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 59 และสามารถทยอยรับรู้รายได้ทันที
“ในปี 57 มีเป้าหมายรายได้รวม 6,800 ล้านบาท โตจากปี 56 ประมาณ 13% มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดยพรีบิลท์ 6,000 ล้านบาท บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด 221 ล้านบาท บริษัทพีซีเอ็มคอนสตรัคชั่นแมททีเรียล (พีซีเอ็ม) 777 ล้านบาท และบริษัทบิลท์ฮาร์ท 6 ล้านบาท”
สำหรับปี 56 ที่ผ่านมา กลุ่มพรีบิลท์มีรายได้รวม 6,007 ล้านบาท จากปี55 มีรายได้รวม 4,089 ล้านบาท รายได้รวมโตจากปี 55 กว่า 47% และมีกำไรสุทธิ 260.8 ล้านบาท หรือมีอัตราการกำไรเติบโตขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปี 55 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 195.1 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.94 บาท ล่าสุด ที่ประชุมกรรมการบริหารบริษัท มีมติให้จ่ายงานปันผลหุ้นแก่ผู้ถือหุ้น หุ้นละ 40 สตางค์
ด้านนายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กล่าวว่า ในปี 56 ช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ดีทำให้ตลาดก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวที่ดีไปด้วย แต่ในช่วงครึ่งปีหลังปัญหาการเมืองส่งผลกระทบต่อทุกๆธุรกิจ ทำให้การลงทุนต่างๆ หดตัวลง ทั้งธุรกิจท่องเที่ยว ส่งออก รวมถึงงานก่อสร้างโครงการภาครัฐ ส่งผลต่อการขยายตัวตลาดก่อสร้างตลอดจนตลาดอสังหาฯ
“แม้ว่าเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ จะมีการหดตัวลง แต่ในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาฯ ถือว่าเป็นปีที่มีการขยายการลงทุนมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยในปี 56 ที่ผ่านมา โครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่สูงถึง 120,000 ยูนิต แบ่งเป้นแนวราบ 40% และคอนโดมิเนียม 60% ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างยังมีงานเข้ามาจากการพัฒนาโครงการของภาคเอกชน จนเกิดภาวะขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้าง และเกิดปัญหาแรงงานขาดแคลน”
ส่วนในปี 2557 นี้ แนวโน้มปัญหาการขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงานจะลดน้อยลง เนื่องจากโครงการก่อสร้างภาครัฐชะลอออกไป ขณะที่ภาคเอกชนก็มีการชะลอการลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ออกไปด้วย จากแนวโน้มดังกล่าวจะทำให้ในปีนี้ผู้รับเหมาก่อสร้างหันมารับงานเอกชนเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงว่าในปีนี้จะมีการแข่งขันในการรับงานของผู้รับเหมาจะสูงขึ้นไปด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของ พรีบิลท์ มั่นใจว่าการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจก่อสร้างจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ และการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากได้มีสต๊อกงานก่อสร้างในมือแล้วกว่า 9,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะรักษาระดับแบ็กล็อกงานก่อสร้างไว้ในระดับ 10,000-12,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ในแต่ละไตรมาสจะต้องรับงานก่อสร้างเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วง 2 ปีในอนาคตแม้ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวอย่างไรก็จะไม่มีผลกระทบต่อบริษัท
ส่วนการดำเนินงานของบริษัท บิลท์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทลูก จะเน้นการซื้อที่ดินสะสมเพื่อดำเนินการขออนุญาตจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) ไว้ล่วงหน้า เพื่อแก้ปัญหางานก่อสร้างและการเปิดขายที่ล่าช้าจากการรอในการรอใบอนุญาต สวล. โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการรับรู้รายได้ของบริษัทในอนาคต และเพื่อสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง บิลท์แลนด์ จึงมีแผนจะเปิดตัวโครงการต่อปีที่ 2-3 โครงการ โดยเป็นโครงการขนาดใหญ่ 1 โครงการ และ 2 โครงการขนาดกลาง