สปสช.ฟุ้งเดินหน้าให้ยาละลายลิ่มเลือด ช่วยเซฟชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดได้เพิ่มขึ้น ชูหนองบัวลำภูสามารถให้บริการยาละลายลิ่มเลือดได้ครบทุกแห่ง
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตติดอันดับ 1 ใน 10 ของโรคที่มีอัตราการตายสูงสุดในไทย ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 50,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่ง สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อขยายเครือข่ายหน่วยบริการที่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการอย่างทันเวลา ซึ่งช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ โดยผลดำเนินการปีงบประมาณ 2555 ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดร้อยละ 35 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ผู้ป่วยได้รับยาเพียงร้อยละ 16 ส่วนปีงบประมาณ 2556 ข้อมูล ณ ก.พ. 2556 มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 3,677 คน ได้รับการให้ยาละลายลิ่มเลือด 2,268 คน คืดเป็นร้อยละ 61.68 ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยลดลงมาก
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตบริการสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า จากรายงานมีผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดจำนวน 8 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ รพ.ศรีบุญเรือง 4 ราย รพ.สุวรรณคูหา 1 ราย รพ.นากลาง 1 ราย รพ.นาวัง 1 ราย และ รพ.โนนสัง 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยทุกรายปลอดภัยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้เกิดจากบุคลากรทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาระบบบริการได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด และพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้มีการคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวและหลอดเลือดในชุมชน พัฒนาต้นแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งเขตบริการสุขภาพที่ 8 มีเป้าหมายให้โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง ใน 7 จังหวัดอีสานตอนบน สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้
นพ.สุทธิ ถาวรยุติธรรม ประธานเครือข่ายโรคหัวใจ จ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า รพ.หนองบัวลำภู มีศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งจัดเป็นยามาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 โดยร่วมมือกับ สปสช.เขต 8 อุดรธานีจัดทำโครงการพัฒนาระบบดูแลเครือข่ายโรคหัวใจขาดเลือด ปัจจุบันโรงพยาบาลชุมชนทั้ง 5 แห่งในจังหวัดหนองบัวลำภูสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ทั้งหมด โดยมี รพ.หนองบัวลำภู เป็น Node รับส่งต่อผลการดำเนินงานในปี 2556 ไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิตหลังได้รับยาที่โรงพยาบาลชุมชนแม้แต่รายเดียว
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตติดอันดับ 1 ใน 10 ของโรคที่มีอัตราการตายสูงสุดในไทย ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 50,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่ง สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อขยายเครือข่ายหน่วยบริการที่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการอย่างทันเวลา ซึ่งช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ โดยผลดำเนินการปีงบประมาณ 2555 ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดร้อยละ 35 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ผู้ป่วยได้รับยาเพียงร้อยละ 16 ส่วนปีงบประมาณ 2556 ข้อมูล ณ ก.พ. 2556 มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 3,677 คน ได้รับการให้ยาละลายลิ่มเลือด 2,268 คน คืดเป็นร้อยละ 61.68 ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยลดลงมาก
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตบริการสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า จากรายงานมีผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดจำนวน 8 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ รพ.ศรีบุญเรือง 4 ราย รพ.สุวรรณคูหา 1 ราย รพ.นากลาง 1 ราย รพ.นาวัง 1 ราย และ รพ.โนนสัง 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยทุกรายปลอดภัยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้เกิดจากบุคลากรทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาระบบบริการได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด และพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้มีการคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวและหลอดเลือดในชุมชน พัฒนาต้นแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งเขตบริการสุขภาพที่ 8 มีเป้าหมายให้โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง ใน 7 จังหวัดอีสานตอนบน สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้
นพ.สุทธิ ถาวรยุติธรรม ประธานเครือข่ายโรคหัวใจ จ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า รพ.หนองบัวลำภู มีศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งจัดเป็นยามาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 โดยร่วมมือกับ สปสช.เขต 8 อุดรธานีจัดทำโครงการพัฒนาระบบดูแลเครือข่ายโรคหัวใจขาดเลือด ปัจจุบันโรงพยาบาลชุมชนทั้ง 5 แห่งในจังหวัดหนองบัวลำภูสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ทั้งหมด โดยมี รพ.หนองบัวลำภู เป็น Node รับส่งต่อผลการดำเนินงานในปี 2556 ไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิตหลังได้รับยาที่โรงพยาบาลชุมชนแม้แต่รายเดียว
