เอพี/เอเอฟพี - ห้องโถงมืดมิดในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของศาสนาคริสต์วานนี้ (19 เม.ย.) กลับสว่างไสวขึ้นมาด้วยแสงจากเปลวเทียนหลายพันเล่มของเหล่าผู้สักการะซึ่งแห่แหนกันมาเข้าร่วมพิธี “ไฟศักดิ์สิทธิ์”พิธีทางจิตวิญญาณที่สำคัญยิ่งในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ของผู้นับถือศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธด็อกซ์
คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงกางเขน ฝังในหลุมพระศพ จากนั้นทรงคืนพระชนม์ขึ้นในบริเวณที่ตั้งของ “โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์” (Church of the Holy Sepulcher) ในเขตเมืองเก่าของนครเยรูซาเล็ม ขณะที่สถานที่ซึ่งเป็นต้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงถูกเก็บเป็นความลับ โดยเหล่าผู้ศรัทธาชี้ว่า เปลวเพลิงนี้ปะทุขึ้นเองจากหลุมพระศพของพระองค์ในวันก่อนอีสเตอร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเยซูไม่ทรงลืมเหล่าสาวกของพระองค์
พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นมานานอย่างน้อย 1,200 ปี
คริสต์ศาสนิกชนหลายพันคนแห่แหนกันมารอที่โบสถ์แห่งนี้ซึ่งเปิดเมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ (19) โดยที่ผู้อารักขาโบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำหน้าที่อย่างระแวดระวังนั้นมาจากหลากหลายนิกายที่แตกต่างกัน ตามข้อตกลงที่จัดทำขึ้นเมื่อกว่าพันปีก่อน และตามธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา ผู้ที่ปลดล็อกประตูโบสถ์แห่งนี้คือสมาชิกจากครอบครัวชาวมุสลิม ซึ่งได้รับมอบหมายให้เก็บรักษากุญแจโบราณจากรุ่นสู่รุ่นมานานหลายศตวรรษ
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโบสถ์แห่งนี้ นักบวชจากนิกายย่อยต่างๆ ของออร์โธด็อกซ์ในชุดเสื้อคลุมแบบมีหมวกจะเบียดเสียดเพื่อแย่งที่ว่างกับเหล่าชนผู้สักการะในท้องถิ่น และผู้จาริกแสวงบุญที่เดินทางมาจากทั่วโลก
บรรดานักบวชระดับสูงของของนิกายออร์โธด็อกซ์เดินลงมารวมตัวกันในห้องเล็กๆ ซึ่งเคยเป็นหลุมพระศพของพระเยซูคริสต์ ในเวลาที่ผู้สักการะยืนรออย่างใจจดใจจ่อในโบสถ์อันมืดสลัว โดยที่ในมือของแต่ละคนจะมีมัดเทียนและคบเพลิงที่ยังไม่ได้จุด
ครู่หนึ่งต่อมา ปรากฏว่าเทียนบางส่วนติดขึ้นด้วย “ไฟศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งว่ากันว่าปะทุขึ้นโดยปาฏิหาริย์ และถือเป็นการส่งสาสน์จากสรวงสวรรค์ถึงเหล่าผู้ศรัทธา
ระฆังส่งเสียงดังก้องกังวาน ขณะที่บรรดาผู้สักการะต่างถือเทียนที่เตรียมมาพุ่งเข้าหาเปลวเพลิงดังกล่าว
เพียงหลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงไฟก็ส่องสว่างไปทั่วโบสถ์ที่มีรูปทรงเป็นโพลงราวกับถ้ำแห่งนี้ ในเวลาที่คริสต์ศาสนิกชนจุดเทียนต่อๆ กันจนกลุ่มควันลอยคละคลุ้งไปตามโถงที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ขณะที่แฟลชส่องแสงวูบวาบจากกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือ ที่บันทึกภาพของพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนจำนวนมากปรารถนาจะได้เข้าร่วมสักครั้งหนึ่งในชีวิต
อย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปในโบสถ์ได้ และผู้จาริกแสวงบุญก็เข้าแถวยาวเหยียดไปตามตรอกซอกซอยอันคับแคบและคดเคี้ยวของเขตเมืองเก่า
“ไฟศักดิ์สิทธิ์” ถูกส่งต่อๆ กันไปยังบรรดาผู้สักการะที่รออยู่ด้านนอกโบสถ์ และถูกส่งไปยังโบสถ์พระคริสตสมภพ ในเมืองเบธเลเฮม ของเขตเวสต์แบงก์ อับเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู จากนั้นจึงถูกส่งต่อไปยังชุมชนชาวคริสต์อื่นๆ ทั้งในอิสราเอลและในเขตเวสต์แบงก์
ในเวลาต่อมา ไฟศักดิ์สิทธิ์ยังถูกส่งขึ้นสู่เที่ยวบินพิเศษเพื่อเดินทางไปยังกรุงเอเธนส์ และเมืองอื่นๆ ให้เหล่าผู้นับถือศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธด็อกซ์ทั่วโลก ที่มีจำนวนมากถึง 200 ล้านคนได้ร่วมเป็นสักขีพยาน