เอพี - เจ้าหน้าที่ไทยได้ตั้งข้อหานักข่าวสื่อออนไลน์ Phuketwan (ภูเก็ตหวาน)จำนวน 2 คนในวันนี้ (17 เม.ย.) ในข้อหาหมิ่นประมาทกองทัพเรือไทย จากรายงานข่าวที่กล่าวหาว่าทางกองทัพเรือไทยมีส่วนพัวพันในการลักลอบนำชาวโรฮิงญาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
สื่อข่าวภาษาอังกฤษออนไลน์ของไทย Phuketwan (ภูเก็ตหวาน) รายงานในเดือนกรกฎาคม 2013 โดยหยิบยกเนื้อหาบางส่วนจากรายงานข่าวของรอยเตอร์ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือไทยมีส่วนพัวพันการลักลอบช่วยชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยในพม่า เข้าไทยอย่างผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ อลัน มอริสัน บก.สื่อชาวออสเตรเลีย และเพื่อนนักข่าว ชุติมา สีดาเสถียร ที่ได้ถูกอัยการสั่งฟ้องไม่กี่วันหลังจากที่รอยเตอร์ชนะรางวัลพูลิตเซอร์ในการเสนอซีรีส์ข่าวความรุนแรงในการดำเนินคดีต่อชาวโรฮิงญา ซึ่งเป็นชนมุสลิมกลุ่มน้อยที่ตกเป็นเป้าของการถูกกดขี่ทางระบบและถูกแบ่งแยกด้วยกำลัง
ในวันขึ้นศาลเพื่อรับฟังข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการนั้น ทั้งมอริสันและชุติมาได้ปรากฏตัวที่ศาลภูเก็ตเพื่อรับฟังคำฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทและละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ปี 2007 และหากคนทั้งคู่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง จะต้องถูกจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี และปรับเป็นเงิน 100,000 บาท (3,010 ดอลลาร์)
มอริสันได้ให้สัมภาษณ์กับเอพีว่า “คดีประเภทนี้ไม่ควรที่จะต้องไปถึงมือศาล และเป็นที่น่าเสียดายว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศในฐานะประเทศประชาธิปไตยต้องมัวหมอง เพราะคดีประเภทไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย”
ทางกองทัพเรือได้ยื่นฟ้องต่อนักข่าวทั้งคู่ในเดือนธันวาคม 2013 โดยกองทัพเรือได้กล่าวโทษผู้สื่อข่าวทั้งสองในข้อหาหมิ่นประมาท และละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการเผยแพร่บทความในวันที่ 17 กรกฎาคม 2013 ที่อ้างจากการรายงานของรอยเตอร์ลงในไซต์ phuketwan.com โดยมีเนื้อหาว่ามีเจ้าหน้าที่กองทัพเรือได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาทางตอนใต้ของไทย
โดยย่อหน้าที่กองทัพเรือระบุว่ามีปัญหา มีข้อความว่า “The Thai naval forces usually earn about 2000 baht per Rohingya for spotting a boat or turning a blind eye, said the smuggler, who works in the southern Thai region of Phang Nga [north of Phuket] and deals directly with the navy and police.” (“ปกติแล้วเจ้าหน้าที่ทหารเรือไทย จะได้รับเงิน 2,000 บาทต่อโรฮิงญาหนึ่งคน หากว่าพบเห็นเรือ [ผู้อพยพ] หรือทำเป็นไม่รู้เรื่อง [ต่อการค้ามนุษย์] ผู้ลักลอบค้ามนุษย์คนหนึ่งกล่าว เขาทำงานในจังหวัดพังงาทางภาคใต้ และตกลงธุรกิจโดยตรงกับกองทัพเรือและตำรวจ”)
ทั้งนี้ กลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ และกลุ่มเสรีภาพสื่อได้กล่าวตำหนิกองทัพ และต้องการให้ถอนฟ้องนักข่าวทั้งสองเสีย “การไต่สวนนักข่าวทั้งสองนั้นไม่เป็นธรรมและจะสร้างรอยด่างให้กับไทยในแง่เสรีภาพของสื่อสารมวลชน” แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของกลุ่มอิวแมนไรต์วอตช์ที่มีฐานอยู่ในนิวยอร์ก กล่าวผ่านอีเมล และเสริมต่อว่า “กองทัพเรือไทยควรที่จะถกประเด็นนี้กับนักข่าวทั้งสองอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะหากต้องการทราบความจริงมากกว่ามุ่งที่จะใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก”