เอเอฟพี - เกาหลีใต้ได้จัดการบล็อก “Ashley Madison” (แอชลีย์ เมดิสัน) เว็บไซต์ส่งเสริมการคบชู้ทั่วโลก ซึ่งเปิดตัวเวอร์ชันเกาหลีไปเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมทั้งระบุในวันนี้ (16 เม.ย.) ว่าเว็บไซต์นี้เป็นภัยต่อค่านิยมของครอบครัวในดินแดนที่การนอกใจคู่สมรสถือเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง
เว็บไซต์เกาหลีที่มีสำนักงานใหญ่ในแคนาดาเจ้านี้ และมีสโลแกนว่า “Life is short. Have an affair.” (ชีวิตมันสั้น มีกิ๊กกันเถอะ) ได้รับการเปิดตัวในโลกออนไลน์เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา โดยมีผู้สมัครเป็นสมาชิกมากเกือบ 50,000 รายในช่วงหนึ่งสัปดาห์แรก
ข้อบังคับปี 1953 ซึ่งกำหนดให้การคบชู้เป็นอาชญากรรมระบุว่า คู่รักที่นอกใจในเกาหลีใต้อาจได้รับโทษสูงสุดด้วยการจำคุก 2 ปีในความผิดฐานมีชู้
คณะกรรมาธิการมาตรฐานด้านการสื่อสารเกาหลี (เคซีเอสซี) ซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ชี้ว่าเว็บไซต์ดังกล่าวส่งเสริมการทำผิดศีลธรรม
คณะกรรมการชุดนี้ระบุในคำแถลงว่า “ด้วยจิตวิญญาณแห่งตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมุ่งปกป้องศีลธรรมทางเพศ ข้อผูกมัดในการแต่งงาน และชีวิตครอบครัวเคซีเอสซีตัดสินใจปิดเว็บไซต์ส่งเสริมการคบชู้”
คำแถลงระบุเพิ่มเติมว่า “มีความเสี่ยงสูงที่เว็บไซต์นี้จะเผยแพร่พฤติกรรมเลวทราม และบ่อนทำลายคำสั่งทางกฎหมายอย่างร้ายแรง ด้วยการช่วยเหลือหรือปิดบังให้คนลอบคบชู้”
ทั้งนี้ เกาหลีใต้นับเป็นประเทศที่ 2 ในทวีปเอเชียซึ่งตัดสินใจบล็อกเว็บไซต์ “แอชลีย์ เมดิสัน” ขณะที่ชาติแรกคือสิงคโปร์ ที่ตัดหนทางเข้าถึงเว็บไซต์เจ้าปัญหาไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลในทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์นี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่ในทวีปเอเชีย เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยบุกตลาดญี่ปุ่น อินเดีย และฮ่องกงไปแล้ว
โนแอล ไบเดอร์แมน ประธานบริหารของแอชลีย์ เมดิสัน เชื่อว่ากฎหมายของเกาหลีใต้ “โบราณคร่ำครึอย่างสิ้นหวัง” แต่กระนั้นเขาก็ทำตามคำเตือนที่ว่า ไม่ควรเดินทางไปร่วมพิธีเปิดตัวเว็บไซต์ที่เกาหลีใต้ด้วยตนเอง
เขายืนกรานว่า เว็บไซต์ของเขาเพียงแต่อำนวยความสะดวกให้แก่กิจกรรมที่เป็นสากล ทั้งยังก้าวข้ามทุกพรมแดนทางวัฒนธรรมและพรมแดนทางภูมิศาสตร์
“ความไม่ซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในวัฒนธรรมเอเชีย แบบเดียวกับที่มีในทุกวัฒนธรรมบนโลกนี้ “เขากล่าวกับเอเอฟพีผ่านการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากนครนิวยอร์กเมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ กฎหมายห้ามคบชู้ของเกาหลีใต้มีอำนาจขัดขวางการกระทำไม่มากนัก และโดยปกติแล้วผู้ถูกพิพากษาลงโทษก็มักได้รับคำสั่งให้รอลงอาญามากกว่าถูกจำคุกจริงๆ
เมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายฉบับนี้ โจทก์ทำได้เพียงฟ้องร้องดำเนินคดี และทุกคดีจะจบลงทันทีหากมีการยอมความ
แม้ว่า เมื่อปี 2004 มีผู้ถูกตัดสินจำคุกจากการฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้ไปทั้งสิ้น 216 คน แต่ยอดกลับลดลงเหลือเพียง 42 รายในปี 2008
เมื่อปี 2011 บาทหลวงคนหนึ่งถูกจำคุก 18 เดือนในความผิดฐานเป็นชู้กับหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขาเคยประกอบพิธีแต่งงานให้เป็นเวลานานถึง 1 ทศวรรษ หลังสามีของหญิงผู้นี้ฟ้องร้องคนทั้งคู่ต่อศาล