เอเอฟพี – รัฐบาลมาเลเซียปฏิเสธข่าวนักบินผู้ช่วยบนเครื่องมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินMH370 มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคนก่อนที่โบอิ้งลำนี้จะหายไปจากจอเรดาร์ ทว่ายังไม่ตัดความเป็นไปได้ใดๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินลำนี้ซึ่งหายสาปสูญไปนานกว่า 1 เดือนแล้ว
เมื่อวานนี้(12) หนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทม์สได้อ้างแหล่งข่าวสงวนนามซึ่งเปิดเผยว่า ฟาริก อับดุลฮามิด นักบินที่ 2 ได้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคนก่อนที่สายจะถูกตัดไปอย่างกะทันหัน “ซึ่งอาจเป็นเพราะเครื่องบินได้แล่นผ่านเสา (สื่อสาร) ไปอย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันอีกว่า กัปตันซาฮารี อะหมัด ชาห์ ซึ่งเป็นนักบินที่ 1 ได้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคน ก่อนหรือระหว่างที่นำเครื่อง MH370 ขึ้นบิน
ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย เปิดแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วันนี้(13)ว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่ได้รับข้อมูลว่าบุคคลในห้องนักบินใช้โทรศัพท์ติดต่อคนภายนอก
“เท่าที่ผมทราบ ไม่มี” เขายืนยัน เมื่อถูกสื่อซักถาม
อย่างไรก็ดี ฮิชามมุดดิน ออกตัวว่าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยข้อมูล “ที่อยู่ในขอบข่ายหน้าที่ของตำรวจ หรือองค์กรระหว่างประเทศ”
“ผมไม่อยากก้าวก่ายกระบวนการสอบสวนของตำรวจมาเลเซีย รวมไปถึงเอฟบีไอ, MI6, เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจีน และหน่วยข่าวกรองอื่นๆ”
ฮิชามมุดดิน ยังชี้แจงด้วยว่า ขณะนี้ผู้โดยสารทุกรายยังอยู่ในข่ายต้องสงสัย แม้ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียจะออกมายืนยันว่าไม่พบพิรุธก็ตาม
“ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหมายความในขณะที่พูดว่า เรายังไม่พบหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าผู้โดยสารมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลกล่องดำ ผมคิดว่าผู้บัญชาการตำรวจคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์รับรองได้ว่าผู้โดยสารทุกคนพ้นจากข่ายต้องสงสัยแล้ว”
คอลิด อบูบาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ก็ได้ออกมาชี้แจงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ระหว่างที่การสอบสวนยังไม่สิ้นสุดผู้โดยสารทุกคนยังไม่ถือว่าพ้นข่ายต้องสงสัย
ฟาริก และ ซาฮารี ถูกทางการสอบประวัติอย่างละเอียด นับตั้งแต่เที่ยวบิน MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับคนบนเครื่อง 239 ชีวิต
พนักงานสอบสวนแถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า เครื่องบินลำนี้น่าจะถูกใครบางคนจงใจบังคับให้ออกนอกเส้นทาง และปิดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด ก่อนที่เครื่องบินจะแล่นออกจากน่านฟ้ามาเลเซียไป
การสูญหายของ MH370 นำมาซึ่งทฤษฎีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน หรือแม้กระทั่งนักบินก่อการร้าย ทว่าตลอด 1 เดือนของการค้นหาแทบพลิกมหาสมุทร เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบแม้แต่เศษซากของเครื่องบินที่คาดว่าจะตกลงทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และยังปราศจากข้อมูลกล่องดำที่จะช่วยไขปริศนาได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ต้องพบจุดจบ
เรือ โอเชียน ชิลด์ ของออสเตรเลียซึ่งออกไปตระเวนค้นหานอกชายฝั่งเมืองเพิร์ทสามารถตรวจจับสัญญาณ Ping ใต้ทะเลซึ่งมีความถี่ตรงกับสัญญาณกล่องดำได้หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ 8 มีนาคม ซึ่งช่วยจุดประกายความหวังว่าทีมค้นหาอาจพบจุดตกของเครื่องบินในอีกไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ประสานงานร่วมของออสเตรเลีย (JACC) ซึ่งควบคุมปฏิบัติการค้นหา MH370 แถลงล่าสุดวันนี้(13)ว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมายังไม่พบสัญญาณใหม่ๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรีกล่องดำที่ส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเป็นเวลา 1 เดือนหลังเครื่องตก อาจจะหมดพลังงานไปแล้ว
ภารกิจค้นหาเครื่องบินมาเลเซียในวันนี้(13) ครอบคลุมพื้นที่ 57,506 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 2,200 กิโลเมตร โดยมีเครื่องบินค้นหา 12 ลำและเรืออีก 14 ลำเข้าร่วมปฏิบัติการ รวมถึงเรือโอเชียนชิลด์ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณกล่องดำ (towed pinger locator) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ไว้ด้วย