รอยเตอร์/เอเอฟพี - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (10) ร่วงหนัก โดยเฉพาะแนสแดคที่ดิ่งลงวันเดียวรุนแรงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2012 จากแรงฉุดกลุ่มเทคโนโลยีและไบโอเทค ส่วนน้ำมันก็ปิดลบ นักลงทุนกังวลอุปสงค์ในจีน ยกเว้นเพียงทองคำที่ขยับขึ้นพอสมควร ด้วยเชื่อว่าเฟดจะยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ดาวโจนส์ ลดลง 267.61 จุด (1.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,169.57 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 39.09 จุด (2.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,833.09 จุด แนสแดค ลดลง 129.79 จุด (3.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,054.11 จุด
แนสแดคเกือบปิดในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยความเคลื่อนไหวในรอบ 50 วัน เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน ด้วยนักวิเคราะห์กังวลว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างเฟซบุ๊กและไพซ์ไลน์ บางทีอาจมีมูลค่าสูงเกินจริง ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มไบโอเทคโนโลยี ก็แกว่งไปแกว่งมาตลอดทั้งวันของการซื้อขาย
ด้านราคาน้ำมันวานนี้ (10) ขยับลงในกรอบแคบๆ หลังลิเบีย ส่งสัญญาณจะคืนการส่งออกเร็วๆ นี้และข้อมูลการค้าอันอ่อนแอของจีน ชาติผู้บริโภครายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 20 เซ็นต์ ปิดที่ 103.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 52 เซ็นต์ ปิดที่ 107.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตัวเลขการค้าของจีนที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (10) ออกมาเลวร้ายกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้และก่อแรงกดันต่อตลาดน้ำมัน หลังจากพบว่ายอดนำเข้าของปักกิ่งลงลดลงจากหนึ่งปีก่อนหน้านี้ร้อยละ 11.3 และการส่งออกก็ลดลงร้อยละ 6.6
ข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติมความกังวลต่อสาธารณะเศรษฐกิจแดนมังกร หลังตัวเลขต่างๆที่เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ทางด้านการค้า ผลผลิตทางอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายผู้บริโภค ล้วนแล้วแต่อ่อนแอทั้งสิ้น
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (10) ดีดขึ้นกว่าร้อยละ 1 แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของรายงาน minutes จากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่บ่งชี้ว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดไว้เดิม โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 14.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,320.50 ดอลาร์ต่อออนซ์