เอเอฟพี - พรรคฝ่ายค้านพีดีไอ-พี ได้คะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 ในศึกเลือกตั้งรัฐสภาอินโดนีเซียที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ทำให้ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา โจโค วิโดโด มีโอกาสสูงที่จะก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอิเหนาคนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่า พรรคพีดีไอ-พี ซึ่งมาเป็นที่ 1 ได้คะแนนเสียงเพียงร้อยละ 20 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะกวาดคะแนนได้ถึงร้อยละ 25 ซึ่งจะเข้าเกณฑ์การเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และหมายความว่าพีดีไอ-พี อาจจะต้องยอมจับขั้วกับพรรคอื่นเพื่อให้ได้ที่นั่งในสภาเกินร้อยละ 20 จึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อได้
พ่อเมืองจาการ์ตาวัย 52 ปี ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันทั่วไปว่า “โจโควี” ยังไม่ท้อใจกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจต่อพรรค พีดีไอ-พี”
พรรคของประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน ได้คะแนนเสียงน้อยลงราวครึ่งหนึ่ง สืบเนื่องจากกระแสข่าวการทุจริตคอร์รัปชัน ในขณะที่พรรคอิสลามเล็กๆ กลับได้คะแนนเสียงรวมกันถึงร้อยละ 32 ของคะแนนโหวตทั้งประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
ชาวอินโดนีเซียหลายล้านคนออกไปใช้สิทธิตามหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศที่ครอบคลุมถึง 3 เขตเวลา ตั้งแต่เทือกเขาในจังหวัดปาปัวทางตะวันออกมาจนถึงเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด และเกาะสุมาตราทางตะวันตกที่เต็มไปด้วยป่าดิบชื้น
ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 186 ล้านคนได้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกผู้สมัคร 230,000 คนที่ตนถูกใจมาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ซึ่งมีที่นั่งรวมกันราว 20,000 ที่นั่ง
ผลการเลือกตั้งรัฐสภาจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครที่มีสิทธิลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเวลานี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เต็งหนึ่งอย่าง วิโดโด ผู้สมัครจากพรรค พีดีไอ-พี
กองทัพนักข่าวหลายร้อยชีวิตที่ไปรอทำข่าว วิโดโด ขณะที่เขาและภรรยาเดินออกมาจากบ้านพักเพื่อกาบัตรลงคะแนน เป็นดัชนีที่ชี้วัดกระแสนิยมในตัวผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตาได้เป็นอย่างดี
สถาบันวิจัยซีเอสไอเอส ซึ่งสุ่มตัวอย่างบัตรลงคะแนนจากหน่วยเลือกตั้งราว 2,000 แห่งทั่วอินโดนีเซีย ระบุว่า พรรค พีดีไอ-พี จะได้คะแนนเสียงร้อยละ 19 ขณะที่สถาบัน อินโดนีเซีย เซอร์เวย์ เซอร์เคิล ประเมินว่า พีดีไอ-พี จะได้คะแนนร้อยละ 19.67 ซึ่งเป็นการคำนวณจากการสุ่มบัตรลงคะแนนด้วยวิธีเดียวกับ CSIS
พรรคการเมืองหรือกลุ่มพรรคการเมืองในอินโดนีเซียจะต้องได้ที่นั่งถึง 20% จากทั้งหมด 560 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร หรือได้คะแนนโหวตจากทั้งประเทศเกิน 25% จึงจะมีสิทธิ์เสนอรายชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
พอล โรว์แลนด์ นักวิเคราะห์การเมืองอิสระในกรุงจาการ์ตา ชี้ว่า พีดีไอ-พี “คงจะผิดหวังไม่น้อยที่ได้คะแนนเสียงต่ำกว่าที่คาด” แต่กระแสนิยมในตัว วิโดโด ที่สูงมากยังทำให้เขามีโอกาสที่จะก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ
ผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะประกาศในเดือนพฤษภาคม แต่จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา ผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการก็ค่อนข้างแม่นยำ
สำหรับพรรคที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ได้แก่ พรรคโกลคาร์ (Golkar) ซึ่งเคยเป็นพรรคของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต โดยได้คะแนนร้อยละ 14 ส่วนที่ 3 ได้แก่พรรคเกรินทรา (Gerindra) ของอดีตนายพลปราโบโว สุเบียนโต ซึ่งถูกมองเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ วิโดโด ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี