เอเอฟพี - กองทัพเกาหลีใต้แถลงวันนี้ (10 เม.ย.) ว่าจะจัดการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ในเวลาที่เกาหลีเหนือออกมาแสดงท่าทีคุกคามหลายระลอก จนสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
กองทัพอากาศโสมขาวเปิดเผยว่า การซ้อมรบปีละ 2 ครั้งที่ใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “แมกซ์ธันเดอร์” ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันพรุ่งนี้ (11) ไปจนถึงวันที่ 25 เมษายน จะเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดที่มีอากาศยานเข้าร่วมถึง 103 ลำ และทหาร 1,400 นาย
คำแถลงของทัพฟ้าโสมขาวระบุว่า กรุงโซลจะส่งเครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 เค เพื่อซ้อมรบร่วมกับเครื่องบิน เอฟ-15 และเอฟ-16 เอส ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ตลอดจนเอฟเอ-18 และอีเอ-18 ของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ
“การซ้อมร่วมกันระหว่างกองทัพอากาศของสองประเทศจะเสริมสร้างความพร้อมรบ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่คาบสมุทรเกาหลีกำลังทวีความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ” กองทัพอากาศระบุ
คำแถลงยังเปิดเผยด้วยว่า การซ้อมรบครั้งนี้ให้ความสำคัญกับ “แผนการที่นำไปปฏิบัติได้จริง” เป็นต้นว่า การโจมตีข้าศึกอย่างแม่นยำ ภารกิจส่งเสบียงให้กำลังพลที่แทรกซึมในดินแดนศัตรู
นอกจากนี้ ชาติพันธมิตรทั้งสองยังดำเนินการซ้อมรบร่วมประจำปีที่ใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “คีย์ รีโซลฟ์” และ “โฟล อีเกิล” ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึง 18 เมษายน
ทางด้านเกาหลีเหนือได้ออกมากล่าวประณามปฏิบัติการซ้อมรบของทั้งสองชาติว่าเป็นการซ้อมรุกราน โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โสมแดงได้ตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยการระดมยิงจรวดและขีปนาวุธหลายระลอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบยิงเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อโสมแดงยิงขีปนาวุธพิสัยกลางเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เกาหลีเหนือได้เปิดฉากซ้อมรบกระสุนจริงใกล้น่านน้ำพิพาทในทะเลเหลือง ซึ่งหลังจากกระสุนปืนใหญ่ของโสมแดงลอยข้ามเส้นพรมแดนไป ทหารเกาหลีใต้ก็ได้ยิงตอบโต้ จนท้ายที่สุดกลายเป็นการสาดกระสุนปืนใหญ่ใส่กันหลายร้อยนัด
การยิงปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่โสมแดงประกาศเตือนอ้อมๆ ว่าอาจจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ “ชนิดใหม่” เร็วๆ นี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจหมายถึงอาวุธที่ผลิตจากยูเรเนียม หรือไม่ก็หัวรบที่มีขนาดเล็กพอจะติดตั้งบนขีปนาวุธนำวิถีได้
ในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือให้รัดกุมมากขึ้น ภายหลังที่เมื่อหลายวันก่อน คิม จองอึน ผู้นำโสมแดงออกมากล่าวเตือนว่า สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีกำลัง “เข้าขั้นร้ายแรง”