“โอบามา” สุดปลื้ม ยอดผู้สมัครโอบามาแคร์สูงทะลุเป้าถึง 7.1 ล้านคน หลังพ้นเส้นตาย

เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้กล่าวถึงโครงการประกันสุขภาพ “โอบามาแคร์” ที่ถือเป็นนโยบายหลักของพรรคเดโมแครตในการปฎิรูประบบการให้บริการสาธารณสุขในสหรัฐฯ “จะยังคงอยู่” หลังจากมีตัวเลขผู้สมัครถึง 7.1 ล้านคนหลังพ้นกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ พร้อมยังประนามพรรครีพับลิกันที่มีความพยายามยกเลิกโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้เปิดเผยกับนักข่าวถึงความความก้าวหน้าของโครงการโอบามาแคร์ และภาพรวมของเศรษฐกิจอเมริกาดีขึ้นจากโครงการนี้ พร้อมทั้งยังประนามพรรครีพับลิกันที่มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการยกเลิกหรือยับยั้งโครงการนี้ ที่โอบามาเรียกว่า “พยายามสร้างปัญหา” ซึ่งพรรครีพับลิกันยังมีความพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายประกันสุขภาพ แต่โอบามากล่าวย้ำว่า “โครงการโอบามาแคร์ได้ผล” และไม่เข้าใจว่าเหตุใดทางรีพับลิกันต้องพยายามอย่างหนักเพื่อยับยั้งไม่ให้ชาวอเมริกันไม่ให้มีหลักประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานเหมือนเช่นประเทศอื่น

โดยพบว่ามีจำนวนผู้สมัครซื้อประกันสุขภาพโอบามาแคร์มีสูงถึง 7.1 ล้านคนก่อนเส้นตายที่สิ้นสุดลงในเที่ยงคืนวันจันทร์ (31) เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษทางภาษีในปีถัดไป ทำให้ส่งผลถึงจำนวนผู้ประกันตนสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้แต่แรก

“กฎหมายนี้ทำให้ระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯดีขึ้น” โอบามาแถลงที่ทำเนีบขาวเมื่อวานนี้ (1) และเสริมว่า “จะทำให้ประกันสุขภาพในประเทศโดยรวมถูกลง ซึ่งถึงแม้โครงการนี้จะมีผู้ไม่เห็นด้วยและสร้างความสับสนให้กับคนจำนวนมาก แต่การเปลี่ยนแปลงถือเป็นสิ่งที่มีโดยปกติในระบบสังคมประชาธิปไตย การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งยาก การแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดนั้นลำบาก”

ที่ผ่านมาผู้นำของพรรครีพับลิกันพยายามที่จะยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมาย “The Patient Protection and Affordable Care Act” โดยทางรีพับลิกันมีแนวความคิดที่ต่างจากพรรคเดโมแครตที่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวอุตสาหกรรมการให้บริการสุขภาพ และละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล

ซึ่งถึงแม้ในขณะนี้กฎหมายประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานของสหรัฐฯ จะบังคับใช้แล้ว แต่ยังเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง ด้วยเหตุที่ชาวอเมริกันส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากพบว่าค่าพรีเมียมประกันสุขภาพของพวกเขาสูงขึ้น หรือแผนประกันสุขภาพเดิมได้ถูกยกเลิกไป และปัญหาอื่นๆ

ทางรีพับลิกันหวังว่าความไม่เชื่อมั่นในกฏหมายประกันสุขภาพนี้จะส่งผลถึงการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมาถึงนี้ ซึ่งกฏหมายประกันสุขภาพโอบามาแคร์ในปี 2010 ตั้งเป้าไปที่ประชาชนจำนวน 48 ล้านคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพที่ได้ผ่านบริษัทนายจ้าง รัฐบาล หรือไม่สามารถซื้อประกันได้ด้วยตัวเอง และนอกจากนี้ กฎหมายโอบามาแคร์ยังต้องการชะลอการปรับเพิ่มขึ้นของค่าประกันสุขภาพ และเพิ่มข้อกำหนดบางประการเพื่อให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาล เช่น บังคับให้บริษัทประกันสุขภาพต้องรับทำประกันกับผู้ป่วยที่มีอาการป่วยก่อนวันซื้อประกันสุขภาพเป็นต้น

นอกจากนี้ พบว่า จาก 7.1 ล้านคนที่ได้ซื้อประกันสุขภาพผ่านเว็บไซต์ของ healthcare.gov และมาร์เกตเพลส เอ็กเชนจ์ ของรัฐต่างๆ มีชาวอเมริกันจำนวน 4.7- 6.5 ล้านคน นั้นซื้อประกันสุขภาพโดยได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯสำหรับผู้มีรายได้น้อย และอีกจำนวน 2.5-3.1 ล้านคน ของประชาชนชาวอเมริกันที่อายุต่ำกว่า 26 ปีได้ซื้อประกันสุขภาพที่เสริมมาจากแผนประกันสุขภาพของบิดามารดาของพวกเขา ซึ่งโอบามาแคร์ให้โอกาสคนที่ยังมีอายุไม่เกิน 26 ปียังมีสิทธิใช้แผนประกันสุขภาพร่วมกับบิดามารดาของพวกเขาได้

ในขณะเดียวกัน กฎหมายประกันสุขภาพยังระบุถึงมาตรการลงโทษด้านภาษีกับชาวอเมริกันที่ไม่ยอมซื้อประกันสุขภาพของตนเอง โดยจะต้องถูกลงโทษปรับทางภาษีในปีถัดไป

สำหรับยอดตัวเลขรวมผู้สมัครโครงการนี้ในปี 2014 ยังไม่ปรากฏ และยังไม่มีรายงานตัวเลขถึงผู้ประกันตนที่ได้ซื้อแผนประกันผ่านเว็บไซต์ไปและได้เริ่มชำระค่าพรีเมียมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการชำระค่าพรีเมียมจะทำให้การประกันสุขภาพเริ่มทำงาน

และพบว่าในช่วงโค้งสุดท้าย รัฐบาลโอบามาพยายามที่จะเชิญชวนให้ชาวอเมริกันที่อายุต่ำกว่า 26ปี ให้สมัครประกันสุขภาพ ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือเป็นเป้าวัดความสำเร็จของกฏหมายเพราะยังอยู่ในวัยที่แข็งแรง โดยรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ออกรายการทีวีโชว์ ราเชล เรย์ แชต ในวันจันทร์ (31 มี.ค.) ได้กล่าวผ่านรายการว่า “ถึงแม้ไม่ต้องการซื้อประกันโอบามาแคร์เพื่อตัวเอง แต่โปรดซื้อเพื่อเห็นแก่แม่ของคุณ”