เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประธานาธิบดีราฟาเอล กอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ ประกาศไม่ให้การรับรองต่อรัฐบาลชุดใหม่ของยูเครน โดยระบุ รัฐบาลที่มีจุดยืนโปรตะวันตกในกรุงเคียฟชุดนี้ได้อำนาจมาโดยมิชอบ และมิได้เป็นตัวแทนที่ได้รับการยอมรับจากชาวยูเครนทั้งประเทศ
ผู้นำเอกวาดอร์เปิดเผยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ประจำสัปดาห์ที่กรุงกิโต เมืองหลวงของประเทศโดยยืนยันว่า ผู้แทนของเอกวาดอร์ได้ “งดออกเสียง” ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (27) ที่มีการผ่านมติประณามการผนวกไครเมียของรัสเซียว่า “ไม่ชอบด้วยกฏหมาย”
ประธานาธิบดีกอร์เรียระบุว่า เอกวาดอร์จะไม่ให้การยอมรับ และจะไม่ยอมเปิดการติดต่อไม่ว่าจะในระดับใดๆ ต่อยูเครนจนกว่ายูเครนจะมีรัฐบาลที่ชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากชาวยูเครนทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ซึ่งรวมถึงประชากรเชื้อสายรัสเซียทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน
“รัฐบาลชุดปัจจุบันในกรุงเคียฟได้อำนาจมาโดยการยึดอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เอกวาดอร์มิอาจยอมรับได้ และหากยูเครนประสงค์จะได้รับการสนับสนุนจากเรา ยูเครนก็ต้องมีรัฐบาลที่ได้อำนาจมาด้วยกระบวนการประชาธิปไตยเสียก่อน” กอร์เรียกล่าว
ทั้งนี้ เอกวาดอร์เป็นหนึ่งใน 58 ประเทศที่งดออกเสียงสนับสนุนมติประณามการจัดลงประชามติในไครเมียเมื่อ 16 มีนาคมเพื่อแยกตัวจากยูเครนและเข้าร่วมกับรัสเซียว่าไม่ชอบด้วยกฏหมาย ขณะที่สมาชิกอีก 100 ประเทศเห็นชอบ และอีก 11 ชาติคือ รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา เกาหลีเหนือ นิการากัว ซูดาน ซีเรีย เวเนซุเอลา และซิมบับเว คัดค้าน
อย่างไรก็ดี มติของสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ไม่ถือว่ามีผลผูกพันในทางกฎหมายซึ่งแตกต่างจากมติของคณะมนตรีความมั่นคงแต่ถึงกระนั้นรัฐบาลรัสเซียได้แถลงประณามมติดังกล่าวโดยระบุ เป็นความพยายามของยูเอ็นในการสร้างบรรยากาศแห่งการเผชิญหน้า และไม่เคารพต่อความต้องการที่แท้จริงของชาวไครเมีย
