เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – เอกวาดอร์วานนี้ (25 ม.ค.) เน้นย้ำว่า ต้องการให้สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารที่ถูกส่งเข้าประจำการในดินแดนของตน ทั้งยังกล่าวเตือนว่าจะไม่อนุญาตให้สหรัฐฯ นำ “อุปกรณ์สอดแนม” เข้าประเทศอีกด้วย
“ไม่จำเป็นต้องมีทหารอเมริกัน ซึ่งขึ้นตรงต่อกองบัญชาการทหารอเมริกาใต้ประจำการอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ มากมายนัก” ริการ์โด ปาติโน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเอกวาดอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ด้านประธานาธิบดี ราฟาเอล กอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ แถลงเมื่อวันพุธ (22) ว่า จะขอให้สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารอเมริกันที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงกีโตออกไปบางส่วน
กอร์เรียกล่าวว่า เขาเริ่มรู้สึกว่ามีทหารสหรัฐฯ มากเกินความจำเป็น ภายหลังทราบว่ามีทหารอเมริกัน 4 นาย ร่วมบินกับเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเอกวาดอร์ ที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปีที่แล้ว ในแนวพรมแดนรอยต่อระหว่างเอกวาดอร์กับโคลอมเบีย
กอร์เรีย นักเศรษฐศาสตร์ที่จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวโจมตี “ลัทธิจักรวรรดินิยม” ของสหรัฐฯ ขณะอยู่ในเอกวาดอร์มาเนิ่นนานเปิดเผยว่า กีโต “ได้ดำเนินมาตรการ” เพื่อจัดการกับปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว
ที่กรุงวอชิงตัน เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ คนหนึ่งชี้ว่า การที่กอร์เรียระบุว่า มีทหารอเมริกันถึง 50 คนนั้นเป็นตัวเลขที่เกินความเป็นจริงไป “กว่าเท่าตัว”
อย่างไรก็ตาม ปาติโน โต้แย้งว่า “ในการประสานงานด้านต่างๆ คุณใช้ทหารเพียง 2 หรือ 3 คนพอแล้ว ไม่ต้องมีมากถึง 50 คน และเรากำลังพยายามสืบสวนว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่”
ท่าทีเช่นนี้ของชาติละตินอเมริกาแห่งนี้เป็นมากกว่าสิ่งกระตุ้นเตือนความทรงจำทั่วๆ ไป ที่ชี้ว่านานาชาติเสื่อมความเชื่อถือในสหรัฐฯ ภายหลังมีข่าวอื้อฉาวว่าประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ลอบสอดแนมข้อมูลของประเทศต่างๆ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างกว้างขวาง
“เราจะไม่อนุญาตให้พวกเขาติดตั้งเครื่องมือจารกรรม และเราจะตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ และคณะทำงานที่ถูกส่งมาปฏิบัติงานที่นี่ เพื่อให้ (เอกวาดอร์) รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของการกระทำผิดกฎหมาย อย่างที่ชาติต่างๆ ทั่วโลกเจอมาแล้ว” นักการทูตระดับสูงของเอกวาดอร์ผู้นี้กล่าวเตือน
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่มีฐานทัพอยู่ในเอกวาดอร์ เนื่องจากเมื่อปี 2009 กอร์เรียตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเช่า ซึ่งเปิดทางให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาดำเนินภารกิจปราบปรามยาเสพติดในภูมิภาคอเมริกาใต้
