xs
xsm
sm
md
lg

ปริศนา MH370 ดิ่งทะเลกับสารพัดคำถามที่ยังไร้คำตอบ ...อุบัติเหตุ ฆ่าตัวตาย หรือก่อการร้าย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



มิร์เรอร์/บีบีซี - เกือบ 3 สัปดาห์ หลังจากหายไปอย่างไร้ร่องรอย เวลานี้ดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวงได้ส่องพบกลุ่มวัตถุในมหาสมุทรอินเดีย ที่อาจเกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส อย่างไรก็ตาม แม้สิ่งที่พบเห็นจะเป็นซากของเครื่องบินลำดังกล่าวจริง ก็ใช่ว่ามันจะเป็นจุดสิ้นสุดของข้อสงสัยต่างๆ โดยสื่อมวลชนของอังกฤษอย่างมิร์เรอร์และบีบีซี ต่างชี้ว่ายังมีอีกสารพัดคำถามที่ยังคงไร้คำตอบ และบางทีโศกนาฏกรรมครั้งนี้อาจปริศนาไปตลอดกาล

ในบทความเรื่อง How did flight MH370 end up in the Indian Ocean? Eight questions that still need answers บนเว็บไซต์ของมิร์เรอร์ ได้หยิยยกประเด็นสงสัย 8 ข้อที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ แม้ตอนนี้ทางการมาเลเซียปักใจเชื่อว่าเที่ยวบิน MH370 ดิ่งลงมหาสมทรอินเดียและผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด

1. จุดที่เครื่องบินตกจริงๆแล้วอยู่ตรงไหน

ในอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ผ่านมาๆ บ่อยครั้งทีมสืบสวนจะทราบถึงจุดตกที่ชัดเจน แม้ว่ายังไม่พบเศษซากเครื่องบินก็ตาม ดังนั้นในกรณีของเที่ยวบิน MH370 อาจต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะพบชิ้นส่วนสำคัญๆ ของเครื่องบิน ในนั้นรวมไปถึง “กล่องดำ” อันสำคัญยิ่งที่จะคลี่คลายปริศนาทั้งหมด

จากการวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทดาวเทียม อิมมาแซต ระบุถึงจุดสุดท้ายของเครื่องบินว่าอยู่ในพื้นที่หนึ่งของมหาสมุทรอินเดียทางใต้ แต่ก็ไม่ได้เจาะจงถึงจุดเครื่องบินตกที่ชัดเจน ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าท้องทะเลรอบๆ นั้นมีความลึกกว่า 23,000 ฟุตและเป็นไปได้ที่กระแสน้ำรุนแรงจะซัดเศษซากเครื่องลอยออกห่างจากจุดตกเดิม เนื่องจากเหตุการณ์นี้ผ่านมาเนิ่นนานเกือบ 3 สัปดาห์แล้ว

นอกจากนี้ เศษวัตถุที่พบก็กระจัดกระจายทั่วรัศมีหลายร้อยกิโลเมตร นั่นหมายความว่าแม้มันจะเป็นชิ้นส่วนของ MH370 จริง เราก็คงไม่ทราบว่ามันมาจากจุดไหนอยู่ดี

2. แล้วจะพบกล่องดำหรือไม่

ชิ้นส่วนหลักฐานสำคัญที่สุดในปฏิบัติการค้นหาก็คือ กล่องดำของ MH370 โดยอุปกรณ์นี้ที่ปกติแล้วจะเป็นสีส้ม มีความยาว 12 นิ้วและออกแบบมาทนต่อแรงกระแทกได้หมดไม่ว่าจะรุงแรงแค่ไหน กล่องดำจะบันทึกข้อมูลทั้งหมดจากเครื่องบินและหากหามันไม่พบ บางทีเราอาจไม่มีทางทราบเลยว่าอะไรเกิดขึ้นกับ MH370

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทีมค้นหาต้องเร่งมืออย่างหนักในการตามล่ากล่องดำ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่ทำให้กล่องดำส่งสัญญาณออกมาทุกวินาที มีอายุการใช้งานเพียง 30 วันเท่านั้น หากแบตเตอรี่หมด กล่องดำก็จะไม่ส่งสัญญาณใดๆ ให้เครื่องตรวจสัญญาณจับได้อีก

3.ทำไมถึงไม่มีการติดต่อสื่อสารจากเหล่าผู้โดยสารเลยก่อนที่เครื่องตก

ญาติๆ ผู้โดยสารที่อยู่ในอารมณ์เดือดดาล ถามคำถามเจ้าหน้าที่มาเลเซียซ้ำๆหลายรอบว่าทำไมถึงใช้เวลานานนักกว่าจะพบว่าเครื่องบินไปสิ้นสุดที่ใด

ข้อสงสัยก็คือทำไมเครื่องบินลำนี้ถึงหายไปจากช่องทางการสื่อสารทั้งหมด และ MH370 บินไปในยังทิศทางตรงข้ามนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากหากผู้โดยสารรู้ว่ากำลังตกอยู่ในปัญหา แน่นอนพวกเขาก็น่าจะพยายามโทรศัพท์หรือส่งข้อความถึงญาติๆ หรือแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเครื่องบินบินเหนือระดับความสูง 10,000 ฟุต ซึ่งทำให้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งก็มีสิ่งบ่งชี้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง เครื่องบินได้ลดระดับลงมาอยู่ที่ 5,000 ฟุตเท่านั้น

4. ผู้โดยสารรู้หรือไม่ว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติ

เป็นไปได้หรือที่ผู้โดยสารไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขากำลังมีปัญหา ซึ่งหนึ่งในทฤษฎีที่น่าตื่นตะลึงที่สุดก็คือมันเป็นเจตนาของนักบิน โดยเขาอาจทำให้คนอื่นๆ บนเครื่องสลบไสล ด้วยลดความดันอากาศในห้องโดยสารลง ขณะที่ตัวเขาเองสวมหน้ากากออกซิเจน

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจไม่รู้จริงว่าเครื่องบินนั้นหันหัวกลับมาคนละด้าน ด้วยตอนนั้นเป็นเวลา 01.00 น. หลายคนอาจนอนหลับอยู่ ขณะที่ตัวติดตามการบินบนจอส่วนบุคคลของผู้โดยสารก็อาจถูกตัดขาด

5.ทำไมไม่มีคนสังเกตเลยว่าเครื่องบินลำนี้ถึงออกจากเส้นทางไกลขนาดนั้น

ไม่ว่าผู้โดยสารจะถูกตัดขาดช่องทางการสื่อสารหรือไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นไปได้อย่างไรที่เครื่องบินลำนี้จะสามารถหลบหลีกเรดาร์ทั้งหลายได้หมด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมสืบสวนบอกว่าจุดสุดท้ายที่ทราบตำแหน่งของ MH370 คือทางตะวันตกของมาเลเซีย ต่อมาก็เชื่อว่ามันบินไปทางใต้หลายพันกิโลเมตร มุ่งหน้าสู่มหาสมุทรอินเดีย นั่นจึงก่อความถามว่าทำไมถึงออกจากเส้นทางโดยไม่มีใครสังเกตเลย

6. กัปตันหรือผู้ช่วยนักบินมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

หนึ่งในข้อสรุปของรัฐบาลมาเลเซียคือพวกเขาเชื่อว่ามีการเปลี่ยนเส้นทางการบินโดยเจตนาจากใครบางคนบนเครื่อง โดย MH370 มีการเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อยๆ 2 ครั้งจากเส้นทางที่กำหนดไว้ หนึ่งคือหันหัวกลับมุ่งสู่มาเลเซีย จากนั้นก็เลี้ยวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เข้าสู่หนึ่งในสองเส้นทางการบินที่ใช้โดยเครื่องบินพาณิชย์

นายราจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ว่ามีผู้จงใจปิดระบบการสื่อสาร และเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินโบอิ้งของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ก่อนที่เที่ยวบินนี้พ้นชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู “ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับพฤติกรรมโดยเจตนาของใครบางคนบนเครื่อง”

ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นความเป็นไปได้ที่เครื่องบินถูกจี้โดยกัปตันซาฮารี อาห์เมด ชาห์ รวมถึงผู้ช่วยนักบินฟาริก ฮามิด หรือบางคนบนเครื่อง และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าทุกระบบสื่อสารถูกปิด และเครื่องบินบินต่อไปในระยะไกลมาก บ่งชี้ว่าใครบางคนซึ่งมีประสบการณ์ด้านการบินอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

7. หรือผู้ก่อเหตุจี้เครื่องบินจะเป็นผู้โดยสาร

ถ้าไม่ใช่ 1 ใน 2 นักบินแล้วจะเป็นใครล่ะ อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่ามันจำเป็นต้องลงมือโดยใครบางคนที่ประสบการณ์การบิน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่าก็เป็นไปได้เหมือนกันที่มันจะเป็นการเข้าควบคุมเครื่องบินโดยใช้กำลัง ไม่ว่าจะเป็นใช้กำลังบังคับข่มขู่เข้าไปยังห้องนักบิน หรืออาจมีใครบางคนที่ได้รับเชิญเข้าไปในห้องนักบินลงมือขู่นักบินเสียเอง ขณะที่ทีมสืบสวนเองก็ยังไม่ตัดประเด็นก่อการร้ายหรือเครื่องยนต์ขัดข้อง

8. เป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องบินร่วงลงสู่ทะเล หลังจากน้ำมันหมด

เป็นไปได้ว่าหลังจากบินเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือเจตนา บางทีเครื่องบินอาจร่วงลงสู่ทะเลเพราะน้ำมันหมด เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่มาเลเซียก็ยอมรับว่า MH370 บรรทุกน้ำมันเพียงพอสำหรับบินตามเส้นทางตามกำหนดเท่านั้น

ในส่วนของสำนักข่าวบีบีซีก็บอกว่าปริศนาของเที่ยวบิน MH370 มีอยู่ 10 ข้อด้วยว่า โดยส่วนหนึ่งก็คล้ายกับการตั้งข้อสังเกตของมิร์เรอร์ แต่ที่น่าสนใจก็คือ

เพราะเหตุใดเครื่องบินจึงหักเลี้ยวกะทันหัน

ข้อมูลจากเรดาร์ทหารของมาเลเซียบ่งชี้ว่า เครื่องบินเปลี่ยนเส้นทางจากมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่กรุงปักกิ่ง หันมาทางทิศตะวันตก “อย่างไม่คาดฝัน” ในเวลานั้นมีการพบด้วยว่า มีผู้ปิดระบบเรดาร์ทรานสปอนเดอร์และระบบสื่อสารและรายงานสถานะอากาศยาน (เอคาร์ส) อย่าง “จงใจ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า เหตุผลเดียวที่นักบินจะทำเช่นนั้น ต้องมาจากการเกิดปัญหาร้ายแรงภายในห้องนักบินหรือห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องยนต์ขัดข้องหรือการก่อวินาศกรรม ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหาสนามบินใกล้ที่สุดสำหรับลงจอด

เป็นไปได้หรือไม่ที่นักบินจะฆ่าตัวตาย

ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต โดย 2 ครั้งล่าสุด คือกรณีเที่ยวบิน 990 ของอียิปต์แอร์ เมื่อปี 1999 และซิลค์แอร์ เที่ยวบิน 185 เมื่อปี 1997 ขณะที่รายงานของเครือข่ายความปลอดภัยด้านการบิน (เอเอสเอ็น) ระบุสถิติอุบัติเหตุทางอากาศที่เกิดจากการฆ่าตัวตายของนักบินอยู่ที่ 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1976

อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้ยังไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมชิ้นใดสามารถยืนยันได้ว่า กัปตันซาฮารี อาห์หมัด และนักบินผู้ช่วย คือ นายฟาริค ฮาหมิด นักบินประจำเที่ยวบิน MH370370 ทั้งสองคน คือผู้อยู่เบื้องหลังการเกิดโศกนาฏรรมครั้งนี้ แม้มีกระแสข่าวออกมาว่า กัปตันซาฮารีประสบปัญหาครอบครัว จนอาจทำให้มีสภาพจิตใจไม่พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุก็ตาม

ความเป็นไปได้ในการก่อวินาศกรรม

หลังการก่อวินาศกรรม 9/11 ที่กลุ่มอัล-กออิดะห์ใช้วิธีบุกเข้าไปถึงภายในห้องนักบิน แล้วบังคับเครื่องบินให้พุ่งเข้าชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 บริษัทผลิตเครื่องบินต่างพร้อมใจกันสร้างประตูห้องนักบินให้แข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ คือทั้งกันกระสุนและไม่สามารถใช้ขวานจาม หรืออุปกรณ์ใดทุบทำลายได้ เพื่อป้องกันการบุกรุกจากผู้ไม่ประสงค์ดี

เหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญเริ่มตั้งสมมติฐานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินเอ็มเอช 370 น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับนักบินทั้ง 2 คน หรือหนึ่งในนั้น และหากเป็นฝีมือของบุคคลภายนอก เท่ากับว่านักบินต้องรู้เห็นเป็นใจ ด้วยการเปิดประตูให้บุคคลนั้นเข้ามาภายในห้องนักบิน หรือหากไม่ใช่ก็อาจเป็นการฉวยโอกาสในจังหวะที่นักบินเปิดประตูออกมาเข้าห้องน้ำก็เป็นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น