เอเจนซีส์ - เครื่องบินขนส่งรุ่น ซี -130 เฮอร์คิวลิส ของกองทัพแอลจีเรีย ที่บรรทุกทหารและครอบครัว ประสบเหตุตกลงในบริเวณเทือกเขาเมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 77 คน และรอดเพียงคนเดียว นับเป็นหายนะทางอากาศครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศแอฟริกาเหนือแห่งนี้ในรอบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
ภาพข่าวจากสถานีทีวีของรัฐเผยให้เห็นซากชิ้นส่วนเครื่องบินที่ตกกระจัดกระจายอยู่บนเขาฟอร์ตัส ใกล้หมู่บ้านอูเล็ด กาเซม จังหวัดอูม เอล บูเอกี ทางตะวันออกของแอลจีเรีย โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินเกือบ 250 คนแยกย้ายกันออกค้นพื้นที่ป่าบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาผู้รอดชีวิตและร่างผู้เสียชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและสภาพอากาศก็เลวร้าย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงผู้หนึ่งเผยว่า เครื่องบินทหารลำนี้ตกและระเบิดก่อนขาดออกเป็นสองท่อนใหญ่ ร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากไหม้เกรียมและไม่สามารถระบุตัวได้ นอกจากนี้ยังค้นพบกล่องดำบันทึกการบิน 2 กล่อง
ขณะที่กระทรวงกลาโหมแอลจีเรียแถลงว่า เครื่องบินขนส่งทหารลำนี้ซึ่งมีลูกเรือ 4 คน กำลังบรรทุกผู้โดยสาร 74 คนที่มีทั้งทหารและครอบครัว เดินทางออกจากเมืองทามานรัสเส็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายทหารกลางทะเลทรายในบริเวณตอนในทางภาคใต้ของประเทศ และมุ่งหน้าสู่เมืองคอนสแตนติน เมืองสำคัญที่สุดในภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแอลเจียร์ ไปทางตะวันออกประมาณ 320 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้รายงานข่าวเบื้องต้นจากแหล่งข่าวในหน่วยงานความมั่นคงและสื่อของรัฐระบุว่า มีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดรวม 103 คน แต่กระทรวงกลาโหมไม่ได้อธิบายสาเหตุที่ตัวเลขคลาดเคลื่อนมากเช่นนี้แต่อย่างใด
ซี-130 เฮอร์คิวลิส ลำนี้ ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินขณะเริ่มร่อนลง โดยตามรายงานของสื่อทางการที่อ้างการเปิดเผยของพันเอกลาห์มาดี บูเกม โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เครื่องบินตกในเวลาประมาณเที่ยงวัน (ตรงกัน 18.00 น.ของประเทศไทย) ทั้งนี้จุดที่ตกอยู่ห่างจากเมืองคอนสแตนติน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางราวๆ 50 กิโลเมตร
กระทรวงกลาโหมเสริมว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายมากคือ ทั้งพายุและหิมะตกหนัก น่าจะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ที่มีผู้เสียชีวิต 77 คน และรอดเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลในคอนสแตนตินแล้ว
สำนักข่าวเอพีอ้างคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองปลดเกษียณรายหนึ่งซึ่งขอให้สงวนนาม ระบุว่าผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียวผู้นี้เป็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บหลายแห่งบริเวณศีรษะ และเวลานี้ถูกย้ายตัวไปรักษาในโรงพยาบาลทหารที่กรุงแอลเจียร์แล้ว ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อถึงตอนค่ำของวันอังคาร เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินสามารถค้นพบศพ 76 ศพที่จุดเครื่องบินตก ในจำนวนนี้เป็นศพผู้หญิง 4 ราย
กระทรวงกลาโหมยังได้ส่งคณะกรรมการไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวนหาสาเหตุและสภาพแวดล้อมที่แท้จริงของโศกนาฏกรรมครั้งนี้แล้ว
ทางด้านประธานาธิบดีอับเดลาซิส บูเตฟลิกา ประกาศให้ทั่วประเทศจัดการไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน เริ่มจากวันพุธ (12) พร้อมกล่าวสดุดีทหารที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ว่าเป็น “ผู้สละชีพเพื่อชาติ”
ทั้งนี้ เมืองทามานรัสเซ็ต ซึ่งเป็นเมืองต้นทางของเที่ยวบินมรณะคราวนี้ คือจุดที่เกิดอุบัติเหตุทางอากาศครั้งร้ายแรงที่สุดในแอลจีเรียเมื่อเดือนมีนาคม 2003 โดยในครั้งนั้นผู้โดยสารและลูกเรือของสายการบินแอร์ แอลจีเรีย เสียชีวิต 102 คน และรอดตายเพียงคนเดียวเช่นกัน หลังจากที่เครื่องทะยานขึ้นโดยที่เครื่องยนต์เครื่องหนึ่งลุกไหม้
สำหรับอุบัติเหตุทางเครื่องบินที่กองทัพแอลจีเรียประสบในช่วงหลังๆ มานี้ ยังมีเมื่อเดือนธันวาคม 2012 เครื่องบินไอพ่นทหาร 2 ลำที่ปฏิบัติภารกิจฝึกซ้อมตามปกติ ได้เกิดชนกันกลางอากาศใกล้กับเมืองเตล็มเซน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ส่งผลให้นักบินในเครื่องบินทั้งสองลำเสียชีวิต
ก่อนหน้านั้น 1 เดือน เครื่องบินขนส่งทางทหารแบบ คาซา ซี-295 ซึ่งกำลังบรรทุกกระดาษสำหรับพิมพ์ธนบัตรแอลจีเรีย ได้ตกทางใต้ของฝรั่งเศส ทหาร 5 คน และตัวแทนธนาคารกลาง 1 คนที่อยู่บนเครื่องเสียชีวิตหมด