เอเจนซี-รัฐบาลสหรัฐฯแสดงท่าทีคัดค้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ผู้นำอัฟกานิสถานที่ออกโรงประกาศสนับสนุนการผนวก “ไครเมีย” ของรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลเวเนซุเอลา และซีเรียต่างประกาศให้การรับรองไครเมีย ในฐานะดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้วเช่นกัน
ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ แห่งอัฟกานิสถานแถลงที่กรุงคาบูลในวันจันทร์ (24) โดยระบุ อัฟกานิสถานเคารพผลการลงประชามติของประชาชนในไครเมียที่ออกมาว่า เกือบ 97 เปอร์เซ็นต์ของชาวไครเมีย ต้องการแยกตัวออกจากยูเครน และเข้าร่วมกับรัสเซีย โดยผู้นำอัฟกานิสถานระบุว่า รัฐบาลคาบูลไม่มีเหตุผลอันใดที่จะคัดค้านการแสดงออกซึ่งเจตนาอันบริสุทธิ์ของชาวไครเมีย ที่ต้องการผูกอนาคตของตนไว้กับรัสเซีย
“เราขอสนับสนุนการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับรัสเซียของไครเมีย อัฟกานิสถานเคารพในการตัดสินใจของประชาชนชาวไครเมียในการกำหนดอนาคตของพวกเขาเอง” คาร์ไซกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกโดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯและชาติตะวันตกยอมรับในผลการลงประชามติในไครเมีย
อย่างไรก็ดี ท่าทีล่าสุดของผู้นำอัฟกานิสถาน สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือ “เพนตากอน” ออกคำแถลงซึ่งระบุว่า การประกาศสนับสนุนการผนวกไครเมียของฮามิด คาร์ไซ ไม่ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นของชาวอัฟกันโดยส่วนรวม พร้อมย้ำว่า “ข้อคิดเห็นส่วนตัว” ของคาร์ไซที่กำลังจะก้าวลงจากอำนาจ ไม่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดใหม่ของอัฟกานิสถาน
“รัฐบาลสหรัฐฯขอย้ำว่า ถ้อยแถลงของฮามิด คาร์ไซที่กำลังจะก้าวลงจากอำนาจ ภายหลังจากการเลือกตั้งในเดือนหน้าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น และจุดยืนของคาร์ไซต่อสถานการณ์ในไครเมียและยูเครน จะไม่มีผลผูกพันไปยังรัฐบาลชุดใหม่ของอัฟกานิสถาน” คำแถลงของเพนตากอนระบุ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดแสดงถึงรอยร้าวที่ยากจะประสานระหว่างคาร์ไซและรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะที่สหรัฐฯยังคงล้มเหลวในการกดดันให้คาร์ไซยอมลงนามในข้อตกลงทวิภาคีด้านความมั่นคงเพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯสามารถคงกำลังทหารส่วนหนึ่งเอาไว้ในอัฟกานิสถานต่อไป หลังจากพ้นกำหนดการถอนกำลังของกองกำลังนานาชาติในสิ้นปีนี้
ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในกรุงคาบูลเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้นำอัฟกานิสถานจะยอมลงนามในข้อตกลงดังกล่าวก่อนที่เขาจะก้าวลงจากอำนาจ ตราบใดที่สหรัฐฯยังไม่ยอมกล่าวคำขอโทษและชดใช้ความเสียหายต่อครอบครัวพลเรือนชาวอัฟกันจำนวนมากที่บาดเจ็บล้มตายจากการโจมตีของทหารสหรัฐฯและชาติพันธมิตร รวมถึง การที่รัฐบาลสหรัฐฯไม่เต็มใจผลักดันกระบวนการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มตอลิบาน ที่ถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงสูงสุดของรัฐบาลอัฟกานิสถาน