เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (17 มี.ค.) ว่าจะถอนเรือพิฆาต "ยูเอสเอส คิดด์" ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งถูกส่งเข้าร่วมปฏิบัติค้นหาเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียที่หายไป ออกจากภารกิจ ในเวลาที่สื่ออเมริกันรายงานว่า เครื่องบินลำนี้บินออกนอกเส้นทางเดิม เนื่องจากมีใครบางคนในห้องนักบิน ตั้งค่าระบบนำทางด้วยคอมพิวเตอร์ใหม่
ภายหลังที่เที่ยวบิน MH370 ของสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา อากาศยานลำนี้ก็หายสาบสูญไปพร้อมกับลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต จุดประกายให้นานาชาติเปิดฉากภารกิจค้นหาครั้งใหญ่ ทั้งในน่านน้ำแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในมหาสมุทรอินเดีย
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงาน โดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่อเมริกันซึ่งระบุวานนี้ (17) ว่า ครั้งแรกที่เครื่องบินลำนี้เลี้ยวออกนอกเส้นทางบินที่กำหนดไว้ ไปทางทิศตะวันตกนั้นน่าจะเกิดขึ้นจากการที่มีใครบางคนในห้องนักบินตั้งค่าระบบคอมพิวเตอร์ไว้
หนังสือพิมพ์เจ้านี้ชี้ว่า คำกล่าวนี้ตอกย้ำสิ่งที่เหล่าพนักงานสืบสวนเชื่อว่า อากาศยานลำนี้ถูกเปลี่ยนเส้นทางโดยมีการไตร่ตรองไว้ก่อน
เหล่าพนักงานสืบสวนระบุว่า แทนที่จะควบคุมสั่งการเครื่องบินด้วยมือ อาจมีใครบางคนเปลี่ยนเส้นทางการบินของเครื่องโบอิ้ง 777-200ER ผ่านทางคอมพิวเตอร์ซึ่งติดตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างนักบินที่ 1 กับนักบินที่ 2
ระบบคอมพิวเตอร์นี้เรียกว่า “ระบบจัดการการบิน” (FMS) ซึ่งจะทำหน้าที่สั่งการให้เครื่องบินเดินทางแบบต่อเดียวถึง ตามที่กำหนดในแผนการเดินทางที่ส่งไปล่วงหน้าก่อนนำเครื่องขึ้น
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เจ้านี้ระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มีการตั้งค่าระบบ FMS ใหม่อีกครั้ง ในช่วงก่อนหรือหลังนักบินนำเครื่องขึ้น
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เหตุผลที่สหรัฐฯ ตัดสินใจถอนเรือพิฆาต ยูเอสเอส คิดด์ ออกจากภารกิจ เพราะขอบเขตในการค้นหาเครื่องบินโดยสารลำนี้กว้างขวางเกินไป จนควรใช้เครื่องบินตรวจการณ์มากกว่า
ทั้งนี้ เครื่องบินพิฆาตติดขีปนาวุธลำนี้ถูกส่งเข้าร่วมปฏิบัติการควานหาเที่ยวบิน MH370 ในมหาสมุทรตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้เปลี่ยนจุดค้นหาไปทางทิศตะวันตกในทะเลอันดามัน ตามคำขอของรัฐบาลมาเลเซีย
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ รายงานว่า แม้ว่าเรือพิฆาตคิดด์ ซึ่งบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ MH-60 มาด้วย จะดำเนินภารกิจค้นหาทั่วพื้นที่ 15,000 ตารางไมล์ แต่ก็ยัง “ไม่พบเศษซากที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินแม้แต่ชิ้นเดียว”
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ครั้งหนึ่ง คิดด์ และเรือพิฆาตของสหรัฐฯ อีกลำได้เข้าร่วมภารกิจค้นหา MH370 ทว่าตอนนี้กองทัพเรือสหรัฐฯ มีแผนที่จะหันมาใช้เครื่องบินตรวจการณ์ พี-8 โพไซดอน และพี-3 โอเรียนแทน
กองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ระบุในคำแถลงว่า “เนื่องจากมีการขยายขอบเขตการค้นหาออกไปทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย จึงควรส่งเครื่องบินตรวจการณ์พิสัยไกล เช่น พี-8 โพไซดอน และพี-3 โอเรียน เข้าร่วมดำเนินภารกิจค้นหาและช่วยชีวิตมากกว่า”
ทางด้าน ชัค เฮเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ร่วมหารือกับ ฮิชามุดดิน ฮุสเซน ผู้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย และรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมวานนี้ (17) โดยเฮเกลกล่าวกับฮุสเซนว่า สหรัฐฯ “ยังเข้าร่วมในภารกิจ” ค้นหาเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ “อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” อย่างเต็มที่