เอเอฟพี -* รัฐบาลแกมเบียเตรียมเลิกใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายของประธานาธิบดียะห์ยา จัมเมห์ ผู้หยิ่งผยอง ที่ต้องการแสดงออกว่าไม่เห็นความสำคัญของอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษอีกต่อไป
“เราจะพูดภาษาของเราเองเท่านั้น” จัมเมห์ วัย 48 ปี ซึ่งมีชื่อเสียงอื้อฉาวทั้งในเรื่องการละเมิดสิทธิพลเมืองและการกดดันสื่อมวลชนแถลง โดยไม่ระบุชัดเจนว่าจะเอาภาษาชนเผ่าไหนมาแทนที่ภาษาอังกฤษ
ถ้อยแถลงโจมตีอังกฤษครั้งล่าสุดของ จัมเมห์ ในพิธีสาบานตนของผู้พิพากษาสูงสุดคนใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (6 มี.ค.) ถูกนำไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์
แกมเบียเป็นประเทศเล็กๆ ในแอฟริกาตะวันตกซึ่งถูกขนาบโดยเซเนกัล และมีชายฝั่งติดมหาสมุทรแอตแลนติกเพียงเล็กน้อย แกมเบียมีภาษาชนเผ่ามากมายที่อาจเลือกมาใช้เป็นภาษาราชการแทนภาษาอังกฤษได้
พลเมืองแกมเบีย 2 ใน 5 พูดภาษามันดินกา ขณะที่ภาษาฟูลาและโวลอฟก็มีผู้ใช้อยู่มากถึงร้อยละ 34 ส่วนตัวประธานาธิบดีจัมเมห์เองนั้นมาจากชนเผ่าจูลาซึ่งพูดภาษามันดิง ซึ่งเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษาบัมบาราที่ใช้แพร่หลายในประเทศมาลี
เมื่อปี 2008 จัมเมห์ออกคำสั่งเด็ดขาดให้เกย์และเลสเบี้ยนออกจากแกมเบียไปเสีย พร้อมขู่จะ “ตัดหัว” พวกรักร่วมเพศทุกคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดินแกมเบีย
อีก 2 ปีต่อมา สหภาพยุโรปได้ประกาศยกเลิกเงินช่วยเหลือ 22 ล้านยูโรต่อแกมเบีย โดยอ้างถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนและหลักธรรมาภิบาล
กรุงบันจูลได้สร้างความตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการประกาศถอนตัวออกจากเครือจักรภพซึ่งประกอบด้วย 54 ประเทศที่เป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษ
จัมเมห์ ประณามสหราชอาณาจักรว่า “ไม่มีคุณธรรม” มากพอที่จะพูดเรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะที่ใดในโลก
“อังกฤษเข้ามาในแกมเบียครั้งแรกก็เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการค้างาช้าง เพราะแกมเบียมีช้างอยู่มากมาย... สุดท้ายพวกเขาก็ฆ่าช้างจนหมด และหันมาค้าทาสชาวแอฟริกันแทน อังกฤษนั่นแหละที่เอาระบบทาสมาใช้”
“สิ่งเดียวที่พวกเขาทิ้งไว้ให้เราก็มีแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น”