เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สหประชาชาติเผยในวันอังคาร (25) โดยระบุจำนวนชาวซีเรียที่กำลังอพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองในประเทศบ้านเกิด กำลังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีแนวโน้มแซงหน้าจำนวนผู้อพยพจากอัฟกานิสถานในฐานะ กลุ่มผู้อพยพที่ “ใหญ่ที่สุด” เท่าที่โลกเคยมีมาในประวัติศาสตร์
อันโตนิว มานูเอล เด โอลิเวรา กูเตร์เรส ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติวัย 64 ปี ซึ่งเป็นชาวโปรตุเกสออกมาเปิดเผยผ่านวิดีโอลิงก์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติในวันอังคาร (25) โดยระบุความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ดำเนินมานานเกือบครบ 3 ปี นับตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมปี 2011 ส่งผลให้ขณะนี้มีชาวซีเรียเกือบ 2.5 ล้านคนแล้ว ที่ขึ้นทะเบียนเป็น “ผู้ลี้ภัย” อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบซีเรีย
กูเตร์เรส ซึ่งรับตำแหน่งนายใหญ่ของยูเอ็นเอชซีอาร์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2005 ระบุว่า หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซีเรียยังคงมีสถานะเป็นประเทศที่รองรับผู้ลี้ภัยรายใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ของโลก (world's second-largest refugee hosting country) แต่ผลพวงจากความขัดแย้งที่ดำเนินมานานกว่า 3 ปีในซีเรีย ส่งผลให้เวลานี้ชาวซีเรียกำลังจะแซงหน้าชาวอัฟกัน ขึ้นเป็นกลุ่มผู้อพยพที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก
“ข้าพเจ้าหัวใจสลายที่ได้เห็นซีเรีย ที่ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่เป็นบ้านอันอบอุ่นของผู้อพยพจากประเทศอื่นกลับต้องกลายเป็นดินแดนที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะสงคราม ขณะที่ชาวซีเรียซึ่งเคยแต่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพจำนวนมาก กลับต้องกลายเป็นผู้อพยพเสียเอง” ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าว
ทั้งนี้ กูเตร์เรส ยืนยันว่า ในขณะนี้ผู้อพยพกลุ่มใหญ่ที่สุดของโลกยังคงเป็นผู้อพยพจากอัฟกานิสถาน ที่มีจำนวนอยู่ที่ราว 2.55 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ลี้ภัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิหร่านและปากีสถาน เพราะผลพวงของการสู้รบ การกดขี่ และความยากจนในอัฟกานิสถาน ขณะที่จำนวนผู้อพยพชาวซีเรียล่าสุดได้เพิ่มจำนวนเป็นเกือบ 2.5 ล้านคนแล้ว และมีแนวโน้มที่ผู้อพยพซีเรีย จะแซงหน้าผู้อพยพอัฟกันในอนาคตอันใกล้นี้ หากสงครามกลางเมืองในซีเรียยังคงดำเนินต่อไป