พบขบวนรถต้องสงสัยของ รบ.ซีเรีย ฝ่ายกบฏอ้างกลัวโดนอาวุธเคมีถล่มอีกระลอก

เอเอฟพี - ฝ่ายกบฏรัสเซียเมื่อวันอังคาร (3) หวาดกลัวต่อการโจมตีด้วยสารเคมีรอบใหม่โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด หลังอ้างพบเห็นขบวนรถต้องสงสัยบรรทุกอาวุธเคมี 3 ขบวนมุ่งหน้าสู่ที่มั่นของฝ่ายรัฐบาล ความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังขอเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสและนานาชาติเพื่อโจมตีซีเรียตอบโต้กรณีใช้อาวุธเคมีกับพลเรือน ขณะที่สวีเดนเป็นชาติแรกของยุโรปที่ประกาศอ้าแขนต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียทุกราย

“จากข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้ของเราพบว่า รถ 3 บรรทุกอาวุธเคมี 3 ขบวนออกจากที่ตั้งต่างๆของพวกเขา และตอนนี้เราสามารถยืนยันได้ว่า2ใน3ขบวนไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว” คาเลด ซาเลห์ โฆษกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลแถลงต่อผู้สื่อข่าวในอิสตันบูล ประเทศตุรกี พร้อมให้ข้อมูลเสริมว่านับตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขบวนรถขบวนหนึ่งเดินทางไปถึงเมืองเอซรา ใกล้กับเมืองเดรา ทางใต้ของประเทศ ส่วนอีกขบวนไปถึงสนามบินทหารดอมเมียร์ ซึ่งตั้งอยู่ชานกรุงดามัสกัส

โฆษกรายนี้บอกต่ออีกว่า “ตามข้อมูลที่เราได้รับจากแหล่งข่าวภายในกองทัพของนายอัสซาด เราจึงมีความกังวลอย่างที่สุดว่าบางทีพวกเขาอาจกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก” เขากล่าว “มีใครบางคนในดามัสกัส ไม่ว่ายังไงก็ตั้งใจจะใช้อาวุธเคมีและเคราะห์ร้ายที่สารที่เขาได้รับจากประชาคมนานาชาติจนถึงตอนนี้ก็คือการเปิดไฟเขียว”

วอชิงตัน กล่าวหารัฐบาลนายอัสซาดใช้อาวุธเคมีโจมตีใกล้ดามัสกัสเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,400 ศพ ในนั้นรวมถึงเด็กหลายร้อยคน แต่ทางรัฐบาลซีเรียปฏิเสธคำกล่าวอ้างเหล่านั้น

สหรัฐฯ และฝรั่งเศส กำลังผลักดันลงโทษด้วยการโจมตีทางอากาศต่อรัฐบาลซีเรีย แต่ก็หวังแสวงหาเสียงสนับสนุนจากนานาชาติเสียก่อน หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อวันเสาร์ (31 ส.ค.) เพิ่งเปลี่ยนใจประกาศจะใช้กำลังทหารถล่มซีเรียก็ต่อเมื่อรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐฯ อนุมัติ ตามหลังรัฐสภาอังกฤษปฏิเสธเข้าแทรกแซงใดๆในซีเรีย

ในวันอังคาร (3) นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ก็ออกมาย้ำถึงคำเตือนว่าการใช้กำลังทหารต่อซีเรีย อาจทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งในดินแดนแห่งนี้เลวร้ายลงไปอีก “เราควรพิจารณาถึงผลกระทบต่อมาตรการลงโทษใดๆ ในความพยายามหลีกเลี่ยงซ้ำเติมเหตุนองเลือดและอำนวยความสะดวกแก่ใช้แนวทางทางการเมืองคลี่คลายความขัดแย้ง” นายบันแถลงกับผู้สื่อข่าวที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ

ก่อนหน้านี้ในวันอังคารข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เปิดเผยว่าจำนวนชาวซีเรียที่หนีภัยสงครามออกนอกประเทศล่าสุดพุ่งเกิน 2 ล้านคนแล้ว หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าของเมื่อ 1 ปีก่อน นอกจากนี้แล้วยังมีพลเรือนซีเรียอีกประมาณ 4.25 ล้านคนที่ต้องทิ้งบ้านเรือนระหกระเหินอยู่ภายในประเทศ นับตั้งแต่การประท้วงขับไล่ผู้นำซีเรียเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2011

เกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันอังคาร (3) สวีเดนกลายเป็นชาติแรกของสหภาพยุโรปที่แถลงว่าพร้อมอนุมัติให้ที่ลี้ภัยแก่ผู้อพยพซีเรียทุกคนที่ยื่นคำร้องเข้ามา “ผู้อพยพชาวซีเรียทุกคนที่ยื่นคำร้องขอลี้ภัยในสวีเดน จะได้รับการอนุมัติ” แอนนี โฮเอิร์นบลัด โฆษกสำนักงานคนเข้าเมืองสวีเดนกล่าว “ที่สำนักงานตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะเชื่อว่าความรุนแรงในซีเรียจะไม่จบลงในอนาคตอันใกล้นี้”

โฮเอิร์นบลัดยืนยันว่า การตัดสินใจให้สถานะผู้พำนักถาวรแก่ผู้ลี้ภัยนี้จะชอบด้วยกฎหมายจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม เนื่องด้วยตามกฎหมายของสวีเดน จะสามารถให้ที่ลี้ภัยแก่ผู้อพยพเป็นเวลาแค่ 3 ปี จากนั้นก็จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับอนุมัติสถานะผู้พำนักถาวรก็จะได้รับอนุญาตให้พาครอบครัวมายังสวีเดนด้วย

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2012 สวีเดน อ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียราว 14,7000 คนแล้ว ขณะที่โทเบียส บิลล์สเติร์ม รัฐมนตรีคนเข้าเมืองของสวีเดน เรียกร้องประเทศอื่นๆ ตระหนักถึงหน้าที่ที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวซีเรีย